จากภาพถ่ายสู่งานศิลป์...สัมพันธภาพ
2 ศาสนิก ณ สถานีรถไฟยะลา
เมื่อต้นเดือน
เม.ย.2559 (ที่ผ่านมา) ได้มีการแชร์ภาพประทับใจในโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
เป็นภาพชายหนุ่มมุสลิม 2 คนกำลังช่วยพระสงฆ์รูปหนึ่ง ถือถุงย่ามสัมภาระขึ้นรถไฟที่สถานียะลา
มุ่งหน้าไปยังสถานีสุไหงโก-ลก ฯ
เป็นการแชร์ภาพท่ามกลางกระแสความหวาดระแวง
แตกแยก แบ่งฝ่ายระหว่างคนพุทธกับพี่น้องมุสลิมทั้งในและนอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังลุกลามออกไป เกิดขึ้นทั้งจากความจงใจ เข้าใจผิด
และรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แต่ภาพถ่ายทั้งชุดจำนวน
6 ภาพ ช่วยทำหน้าที่ยืนยันว่า สถานการณ์ในพื้นที่ปลายด้ามขวานไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ผ่านมาเกือบ
9 ปี ภาพถ่ายชุดนี้ ได้แปรมาเป็นภาพศิลปะแนว stencil art บนผนังขนาดใหญ่ของสถานีรถไฟยะลา
ในเขตเทศบาลนครยะลา ใช้ชื่อว่า peace begins with you หรือ
พลังสันติภาพอยู่ในมือคุณ
Stencil
art คือการรังสรรค์งานศิลปะจากการพ่นผนังด้วยสีสเปรย์
โดยมีบล็อกกั้นสีที่ออกแบบเป็นลายฉลุบนแผ่นพลาสติกหรือกระดาษแข็ง
ถือเป็นศิลปะข้างถนน หรือ Street art แขนงหนึ่ง
ภาพศิลปะชิ้นนี้
สร้างสรรค์โดยกลุ่มศิลปินจิตอาสา นำโดย นายเพาซี พะยิง และนายสุไลมาน ยาโม
ศิลปินจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ "กลุ่มเฌอบูโด" โดยมีเป้าหมาย เพื่อสื่อและสะท้อนถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
รวมทั้งการช่วยเหลือเอื้ออาทรกันในการใช้บริการรถไฟ
มุสลิมกับหลวงพ่อ
ณ สถานีรถไฟยะลา กลายเป็นภาพต้นฉบับของงานศิลปะบนผนังสถานีรถไฟยะลา ที่ได้มีชาวจังหวัดยะลา
ถ่ายบันทึกจากเหตุการณ์จริง เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2559 ขณะที่ชายหนุ่มมุสลิม 2 คน
กำลังช่วยกันหิ้วสัมภาระและถือย่าม ให้พระภิกษุ ขณะกำลังจะโดยสารรถไฟที่สถานียะลา
"ความรู้สึกที่มีต่อภาพนี้คือชื่นใจมาก
จึงอดไม่ได้ ที่จะยกไอแพด ขึ้นมาถ่ายไว้ในทุกอิริยาบถของการปฏิบัติต่อกันระหว่างน้องๆ
มุสลิมกับหลวงพ่อ ซึ่งเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ หลวงพ่อมาถึงสถานีรถไฟ ด้วยรถแท็กซี่พร้อมสัมภาระพะรุงพะรังมากมายหลายย่าม
เกินกว่าที่ท่านจะหอบหิ้วด้วยสองมือของท่านได้
แต่สัมภาระเหล่านั้นก็ไม่เกิดปัญหาเลย
เมื่อท่านจะขึ้นรถไฟไปต่อยังจุดหมายปลายทางของท่าน...มันไหลลื่นไป
ไม่มีแม้แต่คำขอร้องให้ช่วย"
"น้องๆ
มุสลิม 2 คนนี้ นอกจากของส่วนตัวของตนเองแล้ว
เขายังยื่นมือออกมาหยิบฉวยสารพัดย่ามของหลวงพ่อไว้ได้จนหมด
แล้วคอยดูแลให้หลวงพ่อได้ขึ้นรถไฟไปก่อนจนเรียบร้อย แล้วจึงค่อยขึ้นตามไป
มันงดงามมาก ชื่นใจ สุขใจ
อยากให้คนทั้งโลกเห็นภาพนี้ด้วยว่าเราอยู่ด้วยกันแบบนี้จริงๆ"
พร้อมบรรยายความรู้สึกว่า
"พระคุณเจ้าจะขึ้นรถไฟไปไหนไม่ทราบ... แต่เห็นกับตา คือมีน้องๆ วัยรุ่นมุสลิม
2-3 คนช่วยกันหอบหิ้วย่ามให้พระคุณเจ้าอย่างน่ารักที่สุด
ยะลาบ้านฉันยังคงงดงามเสมอด้วยมิตรภาพ..."
แง่งามของความต่าง
"พื้นที่ของเราไม่ได้เป็นไปตามที่เขาเล่าว่า
หรือที่มีกระแส หรือข่าวลือต่างๆ ในทางที่เป็นความแตกแยก
ทุกอย่างที่เป็นประเด็นของสถานการณ์ความรุนแรง
พวกเราล้วนรับและยอมจำนนกันตลอดมาต่อประเด็นที่ถูกจัดใส่ลงมาในผู้คนหรือพื้นที่ของพี่น้องมุสลิม...ใครจะสร้างอะไรที่เป็นประเด็นขึ้นมาอย่างไร
แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เรามีมิตรภาพที่ดีงามต่อกันตลอดมาและตลอดไป
ขอให้มีภาพแบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน และภาพความรุนแรงจงหมดไปจริงๆ เสียที"
มุมเล็กๆ
ที่มีพลัง นายเพาซี
ฯ ศิลปินผู้รังสรรค์ภาพนี้ เล่าถึงที่มาของภาพและแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เขาตัดสินใจสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นสำคัญ
ผมได้ภาพต้นฉบับ
จากการโพสต์แชร์ในโซเชียลมีเดีย เหตุการณ์การเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เรื่องราวในมุมเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของพื้นที่ชายแดนใต้
ขอบคุณภาพถ่ายต้นฉบับ ภาพน้องๆ วัยรุ่นมุสลิม 2 คน ช่วยถือย่ามให้พระสงฆ์ขึ้นรถไฟ
ได้เห็นภาพชุดนี้แล้วมันติดตามาก ได้อารมณ์ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่
เหมือนมีพลังบางอย่างในมุมนั้น ถึงแม้ว่ามีผู้คนเดินไปมาอย่างขวักไขว่
แต่ภาพนี้มันสะกดนิ่งในสายตาเรา เป็นแรงบันดาลใจ
ผมเชื่อว่าศิลปะสามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้
ภาพบางภาพสามารถสะกดจิตใจของคนได้ ยิ่งภาพมีที่มาที่ไป
ประกอบกับบริบททางสังคมที่บางคนมองอีกแบบ อย่างชายแดนใต้
หลายคนมองว่าเรามีความหวาดระแวงต่อกันระหว่างไทยพุทธ-มุสลิม แต่ภาพนี้ เป็นตัวชี้วัดอย่างชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น
วิถีชีวิตปกติบ้านเราก็เป็นอย่างนั้น แค่ไม่มีหลักฐานยืนยันปรากฏให้เห็นได้ชัด
บังเซ็ง
ปั่นสามล้อส่งพระ เป็นเรื่องราวแง่งามของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีอีกมากมาย
แต่ไม่ค่อยแพร่กระจายผ่านสื่อ...
นายเจะโก๊ะ
อาแซ ชาวปัตตานี เล่าว่า สิ่งดีๆ ยังเกิดขึ้นในพื้นที่
นอกจากภาพหนุ่มมุสลิมช่วยถือของให้พระแล้ว ยังมีเรื่องของ "บังเซ็ง"
หรือ นายอุเซ็ง แวหลง อายุ 79 ปี คอยปั่นจักรยานสามล้อรับส่ง พระวีระ จิตตธัมโม
หรือ หลวงตาวีระ อายุ 75 ปี จากวัดตานีนรสโมสร หรือวัดกลาง
ออกบิณฑบาตในเมืองปัตตานีด้วย
"เรายังสามารถอยู่ร่วมกันได้แม้จะมีคนไม่ดีพยายามมาสร้างความแตกแยก
ทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ แต่เรายังรักกันทุกวัน ยังพึ่งพากันเหมือนอดีต"
เจะโก๊ะ บอก
ขณะที่
นางดวงใจ แก้วมีนี ชาวปัตตานี เช่นกันยอมรับว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้มีความหวาดระแวงระหว่างกัน
แต่เรายังอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ ยังพึ่งพากันอยู่
มันอยู่ที่ว่าเราจะมองมุมไหน
มุมที่อยู่อย่างพึ่งพาก็ยังเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ส่วนมุมที่ระแวงกัน
สร้างความหวาดกลัวกันก็มีจริง ปัญหาคือเราต้องยอมรับร่วมกัน และหากทางแก้ไขมัน
เพื่อให้เกิดความสงบสุขเหมือนในอดีตที่เป็นมา
และนั่นคือทางออกของสัมพันธภาพแห่งผู้คนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่มอีก...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น