หรือโจรใต้จะเป็นกลุ่มคอวาริจญ์ พวกนอกรีตนิยมความรุนแรง
เป็นไปได้หรือไม่ ? พวกนอกรีตสร้างความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ในปัจจุบันนี้ คือ กลุ่มคอวาริจญ์
ปรัชญากลุ่มคอวาริจญ์
กับแนวคิดเรื่องผู้นำ : ช่วงต้นของราชวงศ์อับบาซียะห์
พวกเหล่านี้จะยกประเด็นเรื่องการเป็นผู้นำนี้มาเป็นข้ออ้าง ในการปฏิบัติการณ์โค่นล้มอำนาจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ยุติธรรม
โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งการกล่าวหาผู้นำว่าไม่เหมาะสมกับการบริหารบ้านเมือง
การปลุกระดมในการกำหนดคุณสมบัติของผู้นำที่ถูกต้อง
การตรวจสอบผู้นำและจุดยืนในการต่อต้านผู้นำที่ทุจริตต่อหน้าที่
คอวาริจญ์
ได้แตกแยกแบ่งออกเป็นประมาณ 20 กลุ่ม
แต่ละกลุ่มต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายเป็นพวกกาฟิรฺ (ปฏิเสธศรัทธา)
อัลคอวาริจในประวัติศาสตร์อิสลามยังมิได้ดับสูญไป
อุดมการณ์และแนวปฏิบัติยังคงมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะคอวาริจอิบาฎียะห์
ที่แตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยังคงหลบซ่อนและจะเผยให้เห็นแนวคิดที่รุนแรงเป็นระยะๆ
เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มหนึ่งที่ใช้แนวคิดนี้ได้ถือกำเนิดเปิดตัวขึ้นพร้อมกับนโยบายอันแข็งกร้าว
นั่นก็คือ “กลุ่ม ญะมาอะตุ้ลตักฟีรวัลฮิจเราะห์”
ซึ่งได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาคือผู้ที่จะนำอิสลามอันแท้จริงมาสู่ประชาชนผู้ศรัทธาทุกคน
พฤติกรรมโจรใต้นอกรีตศาสนา
ที่ใช้กำลังก่อเหตุสร้างความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย
ได้บิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอิสลามในทางที่ผิด จะเป็นพวกอ่านอัล-กุรอานไม่พ้นคอ
เอาหะดีษก็เอาแค่ที่กว้างๆ ชอบตีความตัวบทศาสนา
ชอบกล่าวหาว่าคนอื่นไม่เอาศาสนาบ้าง เป็นกาฟิรบ้าง ความดีเพียงหยดเดียว
ถ้ามาจากการกระทำของกลุ่มขบวนการจะยกให้มันยิ่งใหญ่
ความผิดเพียงนิดเดียวถ้ามาจากศัตรู (เจ้าหน้าที่รัฐ)
ก็จะยกมันให้ใหญ่ยิ่งพร้อมกระพือข่าวทำการโฆษณาชวนเชื่อ ชี้ให้เห็นความผิดพลาด
ขบวนการโจรใต้ จะเป็นศัตรูกับผู้ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
และผู้ที่มีความคิดต่างไม่เห็นด้วยกับแนวคิดฝ่ายตน ที่สำคัญจะต่อต้าน ดื้อดึง
ต่อรัฐผู้ปกครอง (ประเทศไทย) และจะเอาความตายของผู้คนมายกเครดิตตัวเอง
“ความสุดโต่ง” คือ “คอวาริจญ์” ผู้เคยเข่นฆ่ามุสลิม
มุสลิมสุดโต่ง คือ
ผู้ที่ละเลยศาสนา ไม่ปฏิบัติตามหลักศาสนา และละเว้นในสิ่งที่ศาสนากำหนด
แต่บุคคลเหล่านั้นกลับมีบทบาทในสังคมมุสลิม
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อมุสลิมเหล่านี้มีอำนาจในสังคม
คนเหล่านี้จะไม่สนใจในเรื่องธรรมาภิบาล หรือเอื้อประโยชน์ต่อสังคมมุสลิม
คนเหล่านี้จะเข้าหาศาสนาก็ต่อเมื่อในเรื่องพิธีกรรมเท่านั้น
ไม่ได้ใส่ใจในการปฏิบัติตามหลักศาสนกิจแต่ประการใด
อย่างเช่นมุสลิมสายกลางปฏิบัติกัน
จากการชี้แจงของสำนักจุฬาราชมนตรี
เรื่อง “ข้อเท็จจริงในการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาอิสลาม”
ตอนหนึ่งได้ระบุไว้ว่า แนวความคิดของผู้ที่มีความคิดต่างจากรัฐในปัตตานี
มีแนวความคิดคล้ายกับพวก “คอวาริจญ์” ซึ่งเป็นพวกนอกรีตศาสนาอิสลาม
เป็นกลุ่มที่มีทัศนคติสุดโต่ง ก้าวร้าว ไร้เหตุผล
ไม่เป็นที่ยอมรับของบรรดามวลปราชญ์ศาสนาอิสลาม
และได้หายไปเนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับ ผู้ก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
ไม่ต่างอะไรกับพวก คอวาริจญ์ เนื่องจากปัจจุบันนี้มีการกระทำที่ไร้เหตุผล
และมีการเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่าแนวทางของกลุ่มขบวนการโจรใต้
ค่อนข้างจะรุนแรง มีการชักจูงคนหนุ่มสาวให้เข้าร่วมการต่อสู้ โดยอ้างการถูกรุกรานจากคนต่างศาสนา
สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้คนเหล่านั้นมายอมรับหลักการคือ การชูประเด็นสิทธิเหนือดินแดน
มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวมลายูปัตตานี
ได้นำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในการเรียกร้อง
ยึดเอากฎหมายของมนุษย์ผู้ที่จ้องทำลายล้างอิสลามมาใช้
และกล่าวหารัฐไทยเข้ามายึดครอง กดขี่ ข่มแหง
เราพี่น้องมุสลิมทั้งหลาย
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาสันติ มุสลิมเราต่างใฝ่หาสันติ มีเมตตาต่อคนต่างศาสนา
ไม่ใช่ฝักใฝ่เรื่องความรุนแรงดั่งเช่นขบวนการโจรใต้กระทำอยู่ทุกวันนี้
พื้นที่แห่งนี้ต้องการสันติสุข สุดท้ายมุสลิมด้วยกันก็จะต้องปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง
ตามที่องค์อัลเลาะห์ได้ทรงบัญญัติไว้ เพื่อความเป็นเอกภาพ
ในการกลับไปรับใช้พระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น