เมื่อวันที่
16 มิถุนายน 2568 พื้นที่บ้านปากู ตำบลปากู
อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี กลายเป็นฉากโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครสมควรได้พบเห็น…
คนร้ายแต่งกายเลียนแบบผู้หญิง ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ลอบยิง นางสาวนูรีซัน
ดอเลาะ ขณะกำลังส่งลูกสาววัยเพียง 6 ขวบขึ้นรถโรงเรียน
ด้วยกระสุนปืนที่เจาะเข้าที่แผงหลังของเธอ ท่ามกลางสายตาของลูกและเพื่อนบ้าน
เธอล้มลงต่อหน้าลูก เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียง
“ฆาตกรรม” หากแต่คือ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” ที่กระทำโดยกลุ่มขบวนการ BRN อย่างอำมหิต ไร้หัวใจ ไร้ศีลธรรม และไร้แม้แต่มนุษยธรรมเบื้องต้น เหยื่อรายนี้ไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดา
แต่เธอคือ “แม่” คือ “ลูกสาว” และคือ “คนดี” ของสังคม
นางสาวนูรีซัน
ฯ เป็นลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน (4500) ของรัฐ
ทำงานเพื่อชุมชน และยังเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในพื้นที่
เธอคือหนึ่งในเสียงที่ “กล้าพูดความจริง” และ “กล้าปฏิเสธ”
อิทธิพลของกลุ่ม BRN ที่ส่งคนมาเรียกเงิน เรี่ยไร
ขอรับบริจาคจากชาวบ้าน เพื่อใช้ก่อเหตุรุนแรงในชุมชน
เธอเคยตั้งคำถามที่เรียบง่ายแต่แหลมคมว่า
“ทำไมต้องมาเร่ไรกับชาวบ้าน? พวกเขาทำงานสุจริต
เลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว แล้วกลุ่มพวกนี้จะเอาเงินไปฆ่าคนบริสุทธิ์อีกทำไม?”
และเพียงเพราะคำพูดนี้
เพราะเธอ “ไม่เห็นด้วย” และ “ไม่สนับสนุน” พฤติกรรมของขบวนการ BRN เธอจึงถูกกำหนดชะตาให้ “ต้องตาย” อย่างโหดเหี้ยม
แต่ความระยำของกลุ่มนี้ไม่ได้หยุดแค่ที่เธอ—ย้อนกลับไปในอดีต
พ่อของเธอถูกลอบยิงเมื่อปี 2548
เพียงเพราะไปพบเห็นขบวนการซ่องสุมกำลังอยู่ใกล้โรงเรียนปอเนาะยือกอง
และแจ้งเตือนผู้นำในพื้นที่ ทำให้กลุ่ม RKK สะสมความแค้น
และกลับมาลอบยิงจนเสียชีวิต
ต่อมาในปี
2558 แม่ของเธอก็ถูกยิงเสียชีวิต ด้วยเหตุผลคล้ายกัน—เพราะไม่ยอมก้มหัวให้ขบวนการฯ
และกล้าตำหนิพฤติกรรมอันก้าวร้าวที่กระทำต่อเด็ก ผู้หญิง และผู้ไม่มีทางสู้
3
ศพในครอบครัวเดียวกัน ถูกสังเวยเพราะความกล้าหาญในจริยธรรม
น.ส.นูรีซัน
เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ก้มหัวให้ความชั่ว และต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ดิ้นรนทำงานสุจริตเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อยเพียงลำพัง แต่สุดท้าย ลูกสาวเธอก็ต้องกลายเป็น
“เด็กกำพร้า” จากน้ำมืออำมหิตของกลุ่ม BRN ที่อ้างอุดมการณ์ แต่กระทำเยี่ยงสัตว์ป่า
ชาวบ้านทุ่งยางแดงไม่ทน!
หลังเหตุการณ์สะเทือนใจ
ชุมชนบ้านปากูและ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รวมพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กว่า 500 คน ทั้งผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการ ครู นักเรียน
และชาวบ้าน ร่วมเดินขบวนต่อต้านความรุนแรง ตะโกนเสียงเดียวกันว่า
“เราต้องการสันติสุข”
“เรามีความแตกต่าง แต่เราทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน”
“ยุติความรุนแรง—คืนสันติสุขให้บ้านเรา”
เสียงเหล่านี้
คือคำประกาศของประชาชนว่า พวกเขาจะไม่ยอมจำนนต่อความกลัว ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายที่ไร้เหตุผลอีกต่อไป
เพราะความอำมหิต
ที่กลุ่ม BRN
กระทำ ไม่ใช่แค่ทำลายชีวิตของนางสาวนูรีซัน
ฯ แต่กำลังพยายามทำลายหัวใจของสังคม ชุมชน และศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคนที่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบ
บนแผ่นดินเดียวกันนี้
นี่คือความจริงที่ไม่ควรถูกกลบฝังไว้ใต้เงาควันของ
“อุดมการณ์ปลอม”
นี่คือการกระทำที่ประชาชนต้องกล้าพูดว่า
“ไม่ยอมรับ”
และนี่คือเวลาที่เราทุกคนควร
“ลุกขึ้นปกป้องความดี”
BRN
จะไม่มีวันได้รับชัยชนะ
เพราะสังคมที่ยังมีศีลธรรมจะไม่มีวันก้มหัวให้ความชั่วร้าย
และสุดท้ายขอร่วมไว้อาลัยให้แก่
น.ส.นูรีซัน ดอเลาะ และครอบครัวผู้เสียสละ ขอให้เสียงของเธอกลายเป็นพลังของประชาชนที่รักสันติสุข
และไม่ทนให้ความโหดร้ายดำรงอยู่อีกต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น