วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568

แมวกับวิธีคนมลายู ความผูกพันที่มากกว่าสัตว์เลี้ยง

แมวกับวิธีคนมลายู ความผูกพันที่มากกว่าสัตว์เลี้ยง

ในโลกของคนมลายู โดยเฉพาะในพื้นที่ปาตานี การมี “แมว” อยู่ในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของการมีสัตว์เลี้ยงไว้คลายเหงา แต่คือความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สะท้อนวิถีชีวิต อารมณ์ และจิตวิญญาณของผู้คน

สำหรับคนมลายู แมวไม่ใช่สัตว์ที่ถูกเลี้ยงเพราะความน่ารักเพียงอย่างเดียว แต่เป็น “เพื่อนร่วมเรือน” ที่มีสถานะใกล้เคียงกับสมาชิกครอบครัว เป็นสิ่งมีชีวิตที่เราต้องดูแล ต้องพูดคุย ต้องเข้าใจ แมวบางตัวได้รับการตั้งชื่ออย่างประณีต บางตัวมีสำรับอาหารพิเศษ บางตัวถูกจับห่มผ้าตอนกลางคืน เพราะเจ้าของกลัวมันหนาว

หากมองให้ลึกกว่านั้น ความผูกพันระหว่างคนมลายูกับแมว ยังสะท้อนความเป็นชุมชนที่มี “ใจ” เป็นศูนย์กลาง แมวไม่เคยถูกขังในกรงตลอดเวลา เพราะคนมลายูส่วนใหญ่ไม่ชอบบังคับ พวกเขาให้อิสระกับสัตว์เลี้ยง เหมือนที่พวกเขาเคารพวิถีชีวิตของผู้อื่น แมวออกไปเดินเล่นตอนเย็น วิ่งเล่นในลานมัสยิดตอนกลางวัน และกลับบ้านตอนค่ำอย่างรู้เวลา ความสัมพันธ์นี้ไม่ต้องใช้คำสั่ง แต่ใช้ “ความเข้าใจ

หลายครอบครัวเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่นำความบริสุทธิ์มาสู่บ้าน เพราะเป็นสัตว์ที่สะอาด ตื่นละหมาดฟัจร 5 เวลา พร้อมเจ้าของ และบางครั้งก็นั่งเงียบข้างๆ เวลาเจ้าของอ่านอัล-กุรอาน ความรู้สึกเหล่านี้ สะท้อนความละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมที่ไม่แยกจิตวิญญาณออกจากสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน

ในวัฒนธรรมคนมลายูแบบดั้งเดิม แมวยังถูกเล่าผ่านบทกวี กลอน และนิทานพื้นบ้าน เช่น “แมวดำเข้าบ้านเช้าโชคดี แมวขาวขึ้นหลังคาเย็นมีข่าวดี” หรือ “เจอแมวนอนกลางถนน อย่าไล่ มันกำลังบอกให้รอ” สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่คือความเชื่อที่ย้อมด้วยความอ่อนโยน

ในบางพื้นที่ของปัตตานี หากมีแมวมานอนหน้าบ้านในคืนที่มีฝนตกหนัก คนเฒ่าคนแก่จะบอกว่า “คืนนี้บ้านนี้มีบารอกะฮ์” (ความเมตตาจากพระเจ้า) และจะวางผ้าห่มให้แมวหนึ่งผืน นี่คือรายละเอียดที่บางคนอาจมองข้าม แต่สำหรับคนมลายู นี่คือศิลปะของการอยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกอย่างให้เกียรติ

แมว กับ วิธีคนมลายู จึงไม่ใช่เรื่องของสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ หากแต่เป็นเรื่องของ “หัวใจ” ที่ฝึกฝนให้รู้จักความนุ่มนวล ความเอื้ออาทร และการเคารพสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน แม้จะพูดต่างภาษา แต่ก็ฟังกันด้วยความรู้สึก.

แมวไม่เคยพูด แต่เราก็เข้าใจมัน เพราะเราไม่ใช้หู แต่ใช้ใจฟัง” นี่แหละ…วิธีของคนมลายู.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น