วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เอกราชตามการเรียกร้องเป็นวิธีการเเก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จชต.จริงหรือ?

เอกราชตามการเรียกร้องเป็นวิธีการเเก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จชต.จริงหรือ?

กระเเสการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการใน 3 จชต. ที่กลับมารุนเเรง ตั้งเเต่ปี 47 เป็นต้นมานั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเเห่งการจุดประกายระเบิดเผยความคิดดั้งเดิม ที่จริงๆ เเล้วเเนวคิดการต่อสู้เเละต่อต้าน พร้อมทั้งยังไม่เคยยอมรับ มันมีมาอย่างยาวนานเเล้ว ซึ่งเริ่มจากช่วงเวลาเเห่งความระส่ำระสายจนต้องสูญเสียรัฐให้เเก่สยาม

โดยถ้าหากมอง มันเป็นเรื่องปกติของรัฐหนึ่งที่ต้องการเเผ่ขยาย อาณาเขตเพื่อสร้างอิทธิพลเเละอำนาจในการเสริมสร้างความเข้มเเข็งให้เเก่รัฐ โดยการพิชิตหรือล่าอณานิคมต่อรัฐที่อ่อนเเอกว่า มาผนวกของเดิมให้เพิ่มขึ้นเเละรัฐสยามก็เช่นกัน

เเต่กระนั้นเเม้นสถานภาพของผู้คนในพื้นที่เปลี่ยนไป เเต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ อุดมการณ์เเละรากเหง้าความคิดยังคงเหมือนเดิมเสมอมา เเละถึงเเม้ว่า มลายูปัตตานีถูกผนวกรวมกับสยามเเละกลายมาเป็นรัฐไทยอย่างเป็นทางการเเล้ว

เเต่ความเป็นมลายูที่เคยมี ไม่เคยเปลี่ยน เเละนี่คือปัญหาที่ยังคงเเก้กันไม่ตก ที่พยายามเเก้มาตั้งเเต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

เเต่ก็มีคนมลายูจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่เข้าใจถึงการกำหนดของอัลเลาะห์ ที่มองว่าเป็นบททดสอบ เเละมิได้เป็นปัญหาต่อการดำรงเเละเชิดชูไว้ซึ่งความเป็นมุสลิม

เมื่อพื้นที่ส่วนที่เคยเป็นของมลายูครั้นอดีต กลายมาเป็นรัฐไทยในปัจจุบันอย่างทางการเเล้ว ในระหว่างนั้นก็เกิดการโยกย้ายสำมโนครัวของคนต่างศาสนิกเข้ามาอาศัยในพื้นที่มากมาย เเละตั้งหลักปักฐานถูกต้องตามกฎหมายในพื้นที่ดังกล่าว ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

คำถาม คือ หากรัฐปล่อยให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเมิรเดะกอหรือเอกราช ใช่วิธีการเเก้ปัญหาความไม่สงบหรือ? เเล้วจะเกิดสิ่งใดกับคนต่างศาสนิกที่อยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนานถูกต้องตามกฎหมาย ?

ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เเละสูญเสียครั้งเเล้ว ครั้งเล่า คนเเล้ว คนเล่า ยิ่งเหตุการณ์โศกนาฏกรรม สะเทือนใจในพื้นที่ อ.ตากใบ ฯ คนร้ายกราดยิงด้วยอาวุธปืนใส่ชาวบ้านกำลังนั่งดูโทรทัศน์ มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย หนึ่งในนั้นมีเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เสียชีวิตด้วย  และในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เกิดเหตุลอบยิงผู้หญิงชรา วัย 76 ปี เป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ขณะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายวัย 50 ปี ทำให้หญิงชราเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นสิ่งหดหู่ต่อการกระทำของผู้ก่อการร้ายยิ่งนัก ซึ่งสามารถสะท้อนสิ่งนี้ได้ดี หรือจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่ผ่านมาเเละผ่านไป เเบบที่รัฐไม่ต้องใยดี

หากพวกเขาต้องการเเค่เชิดชูวัฒนธรรม ศาสนา เเละเสรีภาพ มันจะเป็นด้วยหรือ ที่ต้องได้ยินการสูญเสียผู้บริสุทธิ์เเบบวันต่อวัน #สันติภาพจอมปลอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น