ทำไมผู้หญิงมุสลิมต้องคลุมฮิญาบ เป็นคำถามสุดคลาสสิกที่ผู้หญิงมุสลิมล้วนต่างต้องเคยพบเจอ
ขณะเดียวกันก็เป็นคำถามที่คนที่ไม่ใช่มุสลิมส่วนใหญ่ต่างก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้าผืนนี้
ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้หญิงมุสลิมต้องคลุมฮิญาบ
ถึงแม้อิสลามจะถือกำเนิดในอาหรับแต่หลักศรัทธาปฏิบัติและหลักปฏิบัติของอิสลามนั้นเป็นสากล
ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมที่อยู่ในดินแดนไหน มีประเพณีและวัฒนธรรมเฉพาะของตนเองอย่างไร
ก็ล้วนสามารถปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลามได้อย่างไม่ลำบาก
และสามารถปรับให้เข้ากับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประเพณีของตนเองได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่นหลักว่าด้วยการกินอาหาร
ที่อิสลามไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นเมนูอะไร
เพียงแต่กำหนดเป็นหลักพื้นฐานเท่านั้นว่าวัตถุดิบอะไรบ้างที่สามารถกินได้
และวัตถุดิบเหล่านั้นต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง (ต้องเชือด, ต้องล้าง ฯลฯ) เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอาหารอาหรับ อาหารฝรั่ง หรืออาหารจีน
ก็สามารถเป็นอาหารฮาลาลได้ทั้งนั้น
หากวัตถุดิบและกระบวนการนั้นถูกต้องตามหลักการอิสลาม
เช่นเดียวกับการแต่งกาย อิสลามก็ไม่ได้มีข้อกำหนดว่ามุสลิมต้องใส่ชุดประเภทไหนบ้าง เราจึงได้เห็นผู้ชายอาหรับใส่โต๊ป(ชุดยาว)สีขาว ผู้ชายแถบคาบสมุทรมลายูใส่โสร่ง ผู้หญิงอาหรับใส่ชุดยาวสีดำ บางคนปิดหน้าเห็นเพียงดวงตา ผู้หญิงในอัฟกัน ฯ ไม่เพียงปิดหน้าแต่ยังมีผ้าตาข่ายปิดดวงตาด้วย ผู้หญิงในไทยอาจใส่ชุดปกติแต่มีผ้าฮิญาบ เหล่านี้ล้วนเป็นการปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของตนเองภายใต้หลักการที่ศาสนากำหนด
ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า
ทำไมผู้หญิงมุสลิมถึงต้องคลุมฮิญาบ
ในทางภาษา
ฮิญาบ แปลว่า การปกปิด หรือ การปิดกั้น แต่หากเราลองทำความรู้จักฮิญาบ
กันดีๆ แล้วจะเห็นได้ว่าฮิญาบในอิสลามจะมีความหมายมากกว่านั้น
เพราะฮิญาบไม่ได้เป็นเพียงแค่ผ้าผืนหนึ่งที่ใช้ปกปิดหรือปกคลุมเส้นผม
และก็ไม่หมายถึงการปิดกั้นหรือกดขี่ผู้หญิงมุสลิม แต่ฮิญาบในความหมายที่แท้จริงคือการแสดงออกถึงความยำเกรงของบุคคลนั้นๆ
ต่อคำสั่งใช้ของพระเจ้า
และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนความเป็นมุสลิมของตัวเอง
พระองค์อัลลอฮได้ตรัสไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานเกี่ยวกับเรื่องฮิญาบไว้ว่า
: "โอ้นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า
และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง
นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน
และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ" อัล-อะหฺซาบ : 59
ในฐานะที่เป็นมุสลิมผู้ศรัทธา
เราเชื่อว่าในคำสั่งใช้ของพระผู้เป็นเจ้าย่อมมีผลดีต่อผู้ปฏิบัติตาม
สิ่งหนึ่งที่คนคลุมฮิญาบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันและสามารถรู้สึกได้คือความรู้สึกปลอดภัย
ปลอดภัย ณ
ที่นี้คือปลอดภัยจากสายตาและอันตรายจากความคิดไม่ดีที่จะเกิดขึ้นจากเพศตรงข้าม
และเมื่อมาพิจารณาดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากประเพณีและวัฒนธรรมของไทยในการให้ผู้หญิงรู้จักการรักนวลสงวนตัว
คำสอนและการสั่งใช้ของอิสลามในเรื่องของการคลุมฮิญาบก็เช่นกัน
เวลาไหนบ้างที่มุสลิมต้องคลุมฮิญาบ
?
หากอธิบายด้วยข้อความที่กะทัดรัดและเข้าใจได้ง่ายๆ
ก็คือต้องคลุมฮิญาบในช่วงเวลาที่ต้องพบเจอกับผู้ชายที่เราสามารถแต่งงานด้วยได้(ตามทัศนะของอิสลาม)
ในกรณีที่อยู่ในสถานที่มิดชิดและมีแต่เพศเดียวกันหรือคนต่างเพศแต่ไม่สามารถแต่งงานด้วยได้(ตามทัศนะของอิสลาม)
ก็ไม่จำเป็นต้องคลุมฮิญาบ
รูปแบบของการคลุมฮิญาบ
การคลุมฮิญาบที่ศาสนากำหนดก็คือ
ปิดคลุมทุกส่วนของร่างกาย ยกเว้นหรือเห็นได้เฉพาะใบหน้าและฝ่ามือ
นั่นหมายถึงต้องคลุมเท้าด้วย โดยผ้าต้องยาวคลุมหน้าอก
สีสันและลวดลายควรมีความสุภาพและไม่เป็นที่ดึงดูดสายตา
ซึ่งรูปแบบของการคลุมฮิญาบนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่และวัฒนธรรมของแต่ละบุคคล
โดยที่เราเห็นกันบ่อยๆ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้.-
Hijab
(ฮิญาบ) การคลุมในรูปแบบสากลที่สามารถเห็นได้ทั่วไป
อาจมีสีสันหรือลวดลายตามยุคสมัยและแฟชั่นที่เราเห็นได้ทั่วไป
และสามารถปรับใช้กับเสื้อผ้าสไตล์ไหนก็ได้ทั้งแบบสมัยใหม่และชุดดั้งเดิม
ผู้หญิงมุสลิมส่วนใหญ่มักจะคลุมฮิญาบลักษณะนี้
-
Burka
(บุรก้า) เป็นการคลุมฮิญาบที่ปกปิดทุกส่วนของร่างกายรวมถึงดวงตา แต่ตรงดวงตาจะเป็นผ้าตาข่ายบางๆ
เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นผ่านผ้าตาข่ายเหนือดวงตาของเธอ
ส่วนใหญ่จะพบเห็นในประเทศอัฟกานิสถาน
-
Niqab
(นิกอบ) เป็นผ้าคลุมฮิญาบยาวที่มาพร้อมผ้าปิดบังใบหน้าและจะเห็นได้เฉพาะดวงตา
ส่วนใหญ่สวมใส่ในประเทศอาหรับ และในหลายประเทศ
ประเทศไทยเราก็มีคนเลือกคลุมผ้านิกอบอยู่ไม่น้อย
-
Chador
(ชาดอว์)
ลักษณะเป็นผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่รูปครึ่งวงกลมที่ยาวไปถึงพื้น
ส่วนใหญ่พบเห็นในประเทศอิหร่าน
จะเห็นได้ว่า ผู้หญิงมุสลิมนั้นสามารถนำหลักปฏิบัติในศาสนามาปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตและยุคสมัยของตนเองได้
ภายใต้แก่นที่อิสลามกำหนด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลให้ผู้หญิงมุสลิมในที่ต่างๆ
ทั่วโลกยังคงยึดมั่นในหลักการคลุมฮิญาบไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม
ปัจจุบันประชากรมุสลิมเพิ่มสูงขึ้น
ประมาณการว่าทั่วโลกมีชาวมุสลิม 1,800 ล้านคน หากในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงครึ่งหนึ่ง
นั่นเท่ากับว่าโลกนี้มีคนที่ต้องใส่ผ้าคลุมฮิญาบถึง 900 ล้านคนเลยทีเดียว
ซึ่งหากมองในเชิงเศรษฐกิจนี่อาจเป็นโอกาสและช่องทางของผู้ประกอบการด้านเครื่องแต่งกาย
Modanisa
เว็บไซต์จำหน่ายเสื้อมุสลิมถือกำเนิดในตุรกี
ปัจจุบันเว็บไซต์แห่งนี้มีผู้เข้าชมมากถึง 100 ล้านคนต่อปี
มีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาจับจ่ายจาก 120 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
และส่งผลให้แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำระดับโลกอย่าง H&M, UNIQLO รวมถึง
NIKE ต่างก็ออกคอลเลคชั่นเจาะตลาดผู้หญิงมุสลิมเช่นกัน
ในประเทศไทยถึงแม้จำนวนประชากรมุสลิมจะมีไม่มาก
แต่ตลาดเครื่องแต่งกายมุสลิมก็คึกคักไม่แพ้ใคร สังเกตได้ตามงานการกุศลต่างๆ
ของชาวมุสลิมที่ต้องมีร้านเสื้อผ้าแทบทุกงาน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์เกิดใหม่มากมายที่ควรค่าแก่การผลักดันสู่ตลาดโลกที่มีลูกค้ารอจับจ่ายหลายร้อยล้านคน
ไม่แน่ว่าแบรนด์เครื่องแต่งกายมุสลิมของผู้ประกอบการหน้าใหม่เหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตขึ้นก็เป็นได้
หากเพื่อนต่างศาสนิกสนใจอยากเห็นอยากจับหรืออยากลองสวมใส่ฮิญาบดูบ้าง
อยากให้ลองแวะไปตามงานมัสยิดใกล้บ้านหรือร้านเสื้อผ้ามุสลิมใกล้มัสยิด
หรืออาจลองแวะมาดูสถานที่ต่างๆ
***
ส่วนภาคใต้ของประเทศไทยบ้านเราไม่ต้องพูดถึง เสื้อผ้าอาภรณ์ สำหรับการแต่งกายแบบคลุมฮิญาบ
มีจำหน่ายเยอะมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา
นราธิวาส) ให้เราได้เลือกซื้อหากัน ต้องบอกเลยว่า สวยงามมาก ๆ
***ฮิญาบผืนแรก
ถึงแม้การคลุมฮิญาบจะเป็นข้อบังทางศาสนา
แต่การตัดสินใจคลุมฮิญาบของผู้หญิงมุสลิมบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งในยุคสมัยที่กระแสหวาดกลัวอิสลามเติบโตในทุกสังคม ผู้หญิงที่คลุมฮิญาบ จึงเป็นดั่งเป้าที่เห็นเด่นชัดที่สุดในสายตาของคนที่หวาดกลัว
เรื่องราวการตัดสินใจคลุมฮิญาบของพวกเธอจึงเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การชื่นชมและเรียนรู้
*******
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น