วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2568

ญีฮาดที่แอบอ้างกับคำว่าตายชะฮีดที่หลอกลวง

อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพที่ยึดมั่นในหลักความยุติธรรม และการปกป้องเกียรติยศของศาสนาและผู้ศรัทธา การทำญีฮาด (การต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า) ตามแนวทางที่แท้จริงนั้น มิใช่การรุกรานหรือทำร้ายผู้คนที่มีความเชื่อต่างศาสนา แต่เป็นการต่อสู้เพียงเมื่อจำเป็นเท่านั้น กล่าวคือ หลังจากที่ได้ใช้ทุกหนทางเพื่อการเจรจาสันติภาพแล้ว

และเมื่อเผชิญกับการกดขี่ การรุกรานอย่างชัดเจน การทำสงครามจึงได้รับอนุญาตเพื่อปกป้องตนเอง และเพื่อปราบปรามความอธรรม ไม่ใช่เพื่อการขยายอำนาจหรือทำลายผู้บริสุทธิ์

หลักเกณฑ์ในการทำสงครามในอิสลามมีเงื่อนไขสำคัญ ได้แก่:

- สามารถทำสงครามได้เฉพาะกับ "ดารุลฮัรบี" (ดินแดนที่ประกาศสงครามกับอิสลาม และปฏิเสธการอยู่ร่วมอย่างสันติ)

- ต้องอยู่ภายใต้การประกาศอนุมัติจากผู้นำศาสนาที่มีอำนาจชี้ขาด

- ต้องไม่ทำร้ายผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบ เช่น สตรี เด็ก คนชรา พระภิกษุสงฆ์ ผู้นำศาสนาอื่น ๆ

- ต้องไม่ทำลายสถานที่สาธารณะหรือศาสนสถาน

- การทำสงครามเป็นการตอบโต้การรุกรานหรือความอธรรม ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่ม

ประเทศไทยในบริบทของอิสลาม

ประเทศไทยเป็นดินแดนที่ปกครองด้วยระบอบที่ยึดหลักคุณธรรม มีเสรีภาพในการนับถือและปฏิบัติศาสนาอย่างกว้างขวาง ไม่มีการกดขี่ข่มเหงศาสนาอิสลามหรือผู้นับถือศาสนาใด ๆ

ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ถือเป็น "ดารุลฮัรบี" ตามนิยามทางศาสนา และไม่เข้าเกณฑ์ที่อนุญาตให้มีการทำญีฮาดในรูปแบบสงครามได้

การบิดเบือนและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับญีฮาด

ในกรณีที่มีผู้ก่อการร้ายอ้างตนว่ากำลังทำญีฮาดในประเทศไทย นั้นคือการบิดเบือนหลักการศาสนาอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลงผิด และเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่ศาสนาอิสลามเอง หากบุคคลเหล่านี้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่รักษาความสงบเรียบร้อย ก็ถือว่าพวกเขาเสียชีวิตในฐานะผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ "ชะฮีด" (ผู้เสียชีวิตในหนทางของพระเจ้า) ตามหลักศาสนาที่แท้จริง

สรุป

การทำญีฮาดที่แท้จริง คือการยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ปกป้องผู้บริสุทธิ์ รักษาความสงบเรียบร้อย และต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดตามคำสั่งของศาสนา มิใช่การใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความวุ่นวายหรือการก่อการร้ายในสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น