ญิฮาด:
ความหมายและวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
คำถาม :
ช่วยกรุณาอธิบายแนวคิดที่แท้จริง และเจตนารมณ์ของการญิฮาดในอิสลามได้หรือไม่?
คำตอบ : ในโอการอัล-กรุอาน
อัลเลาะห์ กล่าวว่าไว้ ความว่า “และจงต่อสู้เพื่ออัลลอฮ์
ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงคัดเลือกพวกเจ้า
และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา(ที่ไม่ลำบาก)
คือศาสนาของอิบรอฮีม บรรพบุรุษของพวกเจ้า พระองค์ทรงเรียกชื่อพวกเจ้าว่ามุสลิมีน
ในคัมภีร์ก่อน ๆ และในอัลกุรอานเพื่อร่อซู้ลจะได้เป็นพยานต่อพวกเจ้า
และพวกเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด
และบริจาคซะกาต และจงยึดมั่นต่ออัลลอฮ์ พระองค์เป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า
เพราะพระองค์คือผู้คุ้มครองที่ดีเลิศ และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม”
(อัลฮัจญ์ 22: 78)
การญิฮาดเป็นสิ่งที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุด
และเป็นแง่มุมที่ถูกกล่าวหามากที่สุดของอิสลาม มุสลิมบางคนได้ใช้ประโยชน์ และใช้แนวคิดนี้ในทางที่ผิด
โดยใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองของตัวเอง ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมจำนวนมาก
ซึ่งไม่เข้าใจสิ่งนี้ได้ตีความเรื่องนี้ผิดๆ โดย
หวังทำลายเกียรติของอิสลามและมุสลิม
การญิฮาดคืออะไร
?
คำว่าญิฮาด ไม่ได้แปลว่า
“สงครามศักดิ์สิทธิ์” แต่หมายถึง “พยายามอย่างหนัก” หรือ
“ดิ้นรนโดยสุดกำลัง” ส่วนคำว่าสงคราม อัล-กุรอานใช้คำว่า ฮัรบฺ หรือ
กิตาล การญิฮาดหมายถึง
ความจริงจังและต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ใจในระดับตัวเองเช่นเดียวกับระดับสังคม
ญิฮาดคือความพยายามทำในสิ่งที่ดีและขจัดความอยุติธรรม,การถูกกดขี่และความชั่วร้ายออกจากสังคม
การต่อสู้นี้ควรต่อสู้ในด้านจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับด้านสังคม เศรษกิจ และการเมือง
การญิฮาดนั้นเป็นการทำงานหนักเพื่อกระทำสิ่งที่ถูกต้อง
ในอัลกุรอานคำนี้นั้นถูกนำมาใช้ในรูปแบบที่ต่างกัน 33 ครั้ง
โดยมักจะมาพร้อมกับแนวคิดต่างๆของอัลกุรอาน เช่น การศรัทธา การเตาบัตตัว
การงานที่ดีและการอพยพ
การญิฮาด คือการปกป้องความศรัทธา
และสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ การญิฮาดนั้น ไม่ใช่การทำสงครามเสมอไป
แม้ว่ามันสามารถทำในรูปแบบของสงคราม อิสลามป็นศาสนาแห่งสันติภาพ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอิสลามจะยอมรับการถูกกดขี่
อิสลามสอนให้เราดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างสุดความสามารถเพื่อขจัดความ
ตึงเครียดและความขัดแย้ง อิสลามส่งเสริมวิธีการที่ไม่รุนแรง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูป
แท้ที่จริงแล้ว
อิสลามเรียกร้องให้แต่ละคนขจัดความชั่วด้วยสันติวิธีโดยปราศจากการใช้ความ
รุนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ประวัติศาสตร์อิสลามนับจากท่านนบี(ศล.) ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
มุสลิมส่วนใหญ่ ได้ต่อต้านการกดขี่และต่อสู้ เพื่อเสรีภาพในวิธีที่ไม่รุนแรงและท่าทีที่สมานฉันท์
อิสลามสอนจริยธรรมที่เหมาะสม
ในสภาวะของสงครามอีกด้วย การทำสงครามเป็นที่อนุญาตในอิสลามก็ต่อเมื่อสันติวิธีอื่นๆ
เช่น การสนทนา การเจรจาและการทำสนธิสัญญานั้นไม่เป็นผล การทำสงคราม คือสิ่งสุดท้ายและควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
วัตถุประสงค์ของการญิฮาดนั้นไม่ใช่เพื่อการเปลี่ยนศาสนาคนด้วยการใช้แรงบังคับ
หรือเพื่อตั้งอาณานิคม หรือเพื่อเข้ายึดครองที่ดินหรือทรัพย์สิน หรือสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง
วัตถุประสงค์ของญิฮาด
เป็นเรื่องพื้นฐานนั่นคือ ปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน ดินแดน
เกียรติยศและเสรีภาพของคนคนหนึ่ง เช่นเดียวกับการป้องกันผู้อื่นจากความอยุติธรรมและการกดขี่
กฎพื้นฐานของการทำสงครามในอิสลาม
คือ สร้างความแข็งแกร่ง
เพื่อว่าศัตรูของคุณจะได้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าเข้าโจมตีคุณ, ไม่เริ่มสู้รบก่อน
ทำงานเพื่อสันติภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้, สู้รบเพียงเฉพาะผู้ที่ทำการสู้รบ
ไม่มีการเหมารวม ผู้ที่ไม่ทหารจะต้องไม่ถูกทำอันตราย
อาวุธทำลายล้างสูงไม่ควรถูกนำมาใช้ และหยุดสงครามทันทีเมื่ออีกฝ่ายโน้มเอียงไปสู่สันติภาพ
ปฏิบัติตามสนธิสัญญาและข้อตกลง ตราบที่ฝ่ายศัตรูยังปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้ อัลเลาะห์
ทรงกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า : “และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์
ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริง
อัลลอฮ์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้รุกราน” (อัลบะเกาะเราะฮฺ 2: 190)
“เดือนที่ต้องห้ามนั้น
ก็ด้วยเดือนที่ต้องห้าม และบรรดาสิ่งจำเป็นต้องเคารพนั้น ก็ย่อม
มีการตอบโต้เยี่ยงเดียวกัน ดังนั้นผู้ใดละเมิดต่อพวกเจ้า ก็จงละเมิดต่อเขา
เยี่ยงที่เขาละเมิดต่อพวกเจ้า และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงรู้ไว้ด้วยว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงอยู่กับบรรดาผู้ยำเกรงทั้งหลาย” ( อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:
194)
ญิฮาดนั้นไม่ใช่การก่อการร้าย
จำเป็นต้องตอกย้ำว่าการก่อการร้ายที่กระทำต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ไม่ว่าจะผ่านการรุกรานหรือวิธีการพลีชีพ สิ่งเหล่านี้นั้นไม่เป็นที่อนุญาตในอิสลาม
อิสลามส่งเสริมให้ผู้ที่กดขี่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพของตน
และสั่งใช้มุสลิมเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกกดขี่และเผชิญความเจ็บปวด
แต่กระนั้นอิสลามไม่อนุญาต ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆก็ตาม กระทำกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์
การก่อการร้ายไม่ใช่การญิฮาดแต่มันคือ ฟะสาด (ความเสียหาย) เป็น
สิ่งตรงข้ามกับคำสอนของศาสนาอิสลาม
มีบางคนที่ใช้การอ้างเหตุผลที่บิดเบี้ยวเพื่อแสดงเหตุผลของการก่อการ้ายต่อ
ต้นเหตุที่มาจากพวกเขา แต่มันหาใช่เหตุผลไม่ อัลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่ได้มีการบอกกับพวกเขาว่า
จงอย่าสร้างความเสียหาย ขึ้นในแผ่นดิน พวกเขาจะตอบว่า แท้จริงแล้ว
เราเป็นผู้ฟื้นฟูต่างหาก จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง พวกเขาเป็นผู้ก่อความเสียหาย
แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่” (อัลบะเกาะเราะฮฺ 2: 11-12)
อิสลามต้องการสถาปนาความเป็นระเบียบของสังคมโลก
ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมสามารถดำรงชีวิตอยู่ในความยุติธรรมในสันติภาพ
ความสามัคคีและความมุ่งหมายที่ดี
อิสลามได้มอบแนวทางแก่ผู้ดำเนินตามเพื่อค้นหาความสงบสุขในการดำรงชีวิตส่วนตัวและสังคมของพวกเขา
แต่คำสั่งนั้นยังได้กล่าวแก่พวกเขาถึงวิธีการแผ่ขยายความตั้งใจดีบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
มุสลิมทำงานภายใต้หลักการเหล่านี้มานานหลายศตวรรษ
ผู้คนที่มีศรัทธาหลากหลายอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา
สังคมอิสลามเป็นที่รู้จักในเรื่องความอดทน ความเอื้อเฟื้อและมีมนุษยธรรม
ในสังคมสมัยใหม่ของเรา
เราอาศัยอยู่ในหมู่สังคมโลกาภิวัฒน์
ซึ่งผู้ไม่ใช่มุสลิมอยู่ร่วมกับมุสลิมในประเทศมุสลิม
และมุสลิมอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิม ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นส่วนใหญ่
เป็นหน้าที่ของเราที่จะนำความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในหมู่พวกเราด้วยกันเอง
ทำงานเพื่อสันติภาพและความยุติธรรมแก่ทุกคน
และร่วมมือกับผู้อื่นในเรื่องของความดีและคุณธรรมเพื่อหยุดยั้งการก่อการร้าย
ความก้าวร้าวและความรุนแรงที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ นี่คือการญิฮาดของเราในวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น