ความทรงจำเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายสังหาร
2 นาวิกโยธินที่ตันหยงลิมอ
ประวัติศาสตร์
ที่ถูกลืม 2 ศพแรกในการอุ้มทรมานและฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐ
การกระทำอันสุดโต่งที่แสนโหดร้าย ทรมานต่อรองรัฐ ก่อนลงมือฆ่า 2 นายทหารนาวิกโยธิน
ความไร้มนุษยธรรมจากขบวนการโจรใต้ในชายแดนใต้ที่ไม่มีใครพูดถึง
การทรมานครั้งแรกในชายแดนใต้เกิดขึ้นที่นี่
ปัญหาที่ไม่เคยถูกนำเสนอเลย
การทรมานและการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยังไม่เคยเห็นมีใครหน้าไหนพูดถึง หรือออกมาเรียกร้อง
ขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่ถูกกระทำ เรียกร้องให้โจรหยุดความรุนแรง
แต่กลับกัน
ในปัจจุบันกลับมีการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
มากกว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนเสียอีก
ย้อนเหตุการณ์
จากกรณีที่ได้มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 กราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชา ในหมู่บ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00
น. คืนวันที่ 20 ก.ย. 48
ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในร้านแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน
ผลปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ต่อมาได้เสียชีวิต 1 ราย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร
ได้เดินทางไปช่วยเหลือคนเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังถอนตัวกลับ
ปรากฏว่ารถยนต์ของทหารนาวิกโยธิน 2 นาย
ที่ใช้เป็นพาหนะเกิดเสีย แล้วได้ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งปะปนอยู่กับชาวบ้าน
จับตัวไว้เป็นตัวประกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รีบเดินทางเข้าไปภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอ
อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อเจรจากับชาวบ้านให้ปล่อยเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2
นาย ทราบชื่อคือ ร.ต.วินัย นาคบุตร และ พ.จ.อ.คำธร ทองเอียด
ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเข้าไปในร้านน้ำชา
หลังผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน ซึ่งได้อ้างถึงเหตุผลว่า
สงสัยเป็นคนร้ายที่ยิงร้านน้ำชา ทั้งที่ทหารทั้ง 2 นาย
เข้าไปช่วยเหลือจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนต่อมานายทหารทั้ง 2
นาย ก็ได้ถูกซ้อมทรมานอย่างอนาถจนเสียชีวิต
กว่าจะผ่านพ้นคืนที่แสนโหดร้าย
เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คงจะโดนทรมานอย่างน่าหดหู่
สภาพศพที่พบจะถูกแทงโดยเหล็กแหลมและถูกทุบทั้งตัว และมีการเอามีดกรีดท้องจนตาย
ในหมู่บ้านตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ความป่าเถื่อน บ้าคลั่ง
อำมหิต ไร้มนุษยธรรม ของขบวนการก่อการร้ายใน จชต. ยังคงมีความพยายามในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น