วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การก่อการร้ายไม่ใช่ชะฮีด

การก่อการร้ายไม่ใช่ชะฮีด

คำว่า “ชะฮีด” คือการพลีชีพในสงครามศาสนาของพี่น้องมุสลิมตามหลักการของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นหลักการอันสูงส่งที่อบรมสั่งสอนให้มุสลิมทั้งหลายมีความเสียสละขั้นสูงสุดเพื่อศาสนา จนถึงขั้นพลีชีพของตนเอง

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกก็มีการอบรมสอนสั่งให้ประชาชนมีความเสียสละ มีความกล้าหาญแลพร้อมที่จะพลีชีพเพื่อชาติ

เนื่องจากชะฮีดเป็นความเสียสละขั้นสูงสุดของมนุษย์ ดังนั้นด้านหนึ่งจึงต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงหลักเกณฑ์ทางศาสนาว่าอะไรเป็นชะฮีดหรือไม่ เพื่อจะได้ปฏิบัติให้เป็นไปโดยถูกต้อง อีกด้านหนึ่งก็ต้องระมัดระวัง เพราะย่อมมีผู้ไม่หวังดีต่อมุสลิม ที่แอบอ้างบิดเบือนหลักสำคัญของศาสนามาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมืองของบางกลุ่ม บางลัทธิ หรือบางชาติมหาอำนาจ

ผู้เสียสละที่กระทำชะฮีดใดเสียชีวิตลง หลักศาสนาถือว่าการตายของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกหล้า ดังนั้น จึงไม่ต้องมีการอาบน้ำศพ เพราะน้ำไม่มีความบริสุทธิ์เท่ากับชะฮีด จึงสามารถฝังศพได้ โดยไม่ต้องอาบน้ำศพ และอานิสงส์ของชะฮีดนั้น ถือว่าเป็นบุญสูงสุดที่เผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้องบุพการีที่ล่วงลับทั้งหลาย ให้พ้นจากบาปทั้งหลาย และสามารถเข้าถึงซึ่งพระเป็นเจ้าได้อย่างสมบูรณ์

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้กระทำชะฮีดเอง ที่นอกจากเป็นบุญกุศลใหญ่หลวงที่จะได้รับการตอบแทนขั้นสูงสุดจากพระเจ้าแล้ว ยังถือว่าเป็นวีรชนแห่งมุสลิมและอิสลาม ที่จะได้รับการยกย่องเคารพบูชาไปนิรันดร

เมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์กรือเซะ มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นหลายคน มีการฟัตวาจากนักศาสนาในพื้นที่ว่า เป็นการกระทำชะฮีด และได้นำศพฝังโดยไม่ต้องอาบน้ำศพ ต่อมามีคำฟัตวาโดยผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ว่า ไม่ใช่ชะฮีด เพราะไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ตามหลักศาสนา ในที่สุดบางรายก็ต้องขุดศพขึ้นมาอาบน้ำศพใหม่ แล้วจึงฝังอีกครั้งหนึ่ง

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่า การพลีชีพใดเป็นชะฮีดหรือไม่ มีหลักการทางศาสนาอิสลามที่สำคัญดังนี้คือ

ประการแรก มีกรณียึดครอง หรือบุกรุก หรือเข้ายึดดินแดนของอิสลาม

ประการที่ 2 มีสงคราม หรือการต่อสู้ที่พี่น้องมุสลิมทำสงครามหรือต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาไว้หรือเพื่อปกป้องดินแดนแห่งอิสลามไม่ให้ถูกศัตรูยึดครอง

ประการที่ 3 ผู้นำทางศาสนาระดับสูงสุดที่เกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบพื้นที่นั้นมีคำฟัตวาหรือคำวินิจฉัยทางศาสนาว่า กรณีเป็นเรื่องสงครามทางศาสนา

ประการที่ 4 พี่น้องมุสลิมได้เสียสละตนเองในการพิทักษ์รักษาหรือปกป้องดินแดนแห่งอิสลามและได้พลีชีวิตเพื่อการนั้น

เมื่อครบเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ประการนี้นี่แล้ว การพลีชีพนั้นจึงเรียกว่าชะฮีดอันมีเกียรติยศ สูงส่งและเป็นวีรกรรมสูงสุดแก่พี่น้องมุสลิม อันควรแก่การเคารพเชิดชูไปนิรันดร ทำนองเดียวกันหรือลักษณะคล้ายคลึงกันกับการอบรมสั่งสอนให้พลีชีพเพื่อชาติ

ขณะนี้ได้มีกรณีหลายกรณีขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วก็มีการกล่าวอ้างกันเองว่า เป็นการพลีชีพเพื่อศาสนาหรือเป็นชะฮีด

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพี่น้องมุสลิมและผู้นำทางศาสนาอิสลามที่จะต้องทำความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการแห่งศาสนา เพื่อความสงบสุขและความร่มเย็นของบ้านเมืองสืบไป

ที่สำคัญคือ หน่วยงานภาครัฐเองก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ เพื่ออธิบายและทำความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายได้รับทราบ ซึ่งพึงเข้าใจว่าบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นมีทั้งชาวพุทธ มีทั้งชาวมุสลิม มีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีทั้งประชาชน

ดังนั้นการก่อเหตุประหัตประหารกัน จึงมิใช่เป็นปัญหาระหว่างศาสนา หรือเป็นปัญหาของศาสนา และเป็นปัญหาที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาสาเหตุและแก้ตรงจุดของสาเหตุนั้นให้สำเร็จ

การฆ่าคนตาย หรือการที่ถูกฆ่าตายไม่ได้เป็นชะฮีดเสมอไป การบิดเบือน การฆาตกรรม ที่มิใช่ชะฮีดให้เป็นชะฮีดก็คือบาปอย่างหนึ่งของทุกศาสนา และจะต้องถูกลงโทษจากวิบากกรรมนั้นโดยเฉพาะถ้าหากเป็นมุสลิมก็จะถูกลงโทษจากพระอัลเลาะห์เป็นเจ้าด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น