การก่อการร้ายไม่ใช่ชะฮีด
คำว่า
“ชะฮีด”
คือการพลีชีพในสงครามศาสนาของพี่น้องมุสลิมตามหลักการของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นหลักการอันสูงส่งที่อบรมสั่งสอนให้มุสลิมทั้งหลายมีความเสียสละขั้นสูงสุดเพื่อศาสนา
จนถึงขั้นพลีชีพของตนเอง
ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกก็มีการอบรมสอนสั่งให้ประชาชนมีความเสียสละ
มีความกล้าหาญแลพร้อมที่จะพลีชีพเพื่อชาติ
เนื่องจากชะฮีดเป็นความเสียสละขั้นสูงสุดของมนุษย์
ดังนั้นด้านหนึ่งจึงต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงหลักเกณฑ์ทางศาสนาว่าอะไรเป็นชะฮีดหรือไม่
เพื่อจะได้ปฏิบัติให้เป็นไปโดยถูกต้อง อีกด้านหนึ่งก็ต้องระมัดระวัง เพราะย่อมมีผู้ไม่หวังดีต่อมุสลิม
ที่แอบอ้างบิดเบือนหลักสำคัญของศาสนามาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมืองของบางกลุ่ม
บางลัทธิ หรือบางชาติมหาอำนาจ
ผู้เสียสละที่กระทำชะฮีดใดเสียชีวิตลง
หลักศาสนาถือว่าการตายของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกหล้า ดังนั้น จึงไม่ต้องมีการอาบน้ำศพ
เพราะน้ำไม่มีความบริสุทธิ์เท่ากับชะฮีด จึงสามารถฝังศพได้ โดยไม่ต้องอาบน้ำศพ
และอานิสงส์ของชะฮีดนั้น ถือว่าเป็นบุญสูงสุดที่เผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้องบุพการีที่ล่วงลับทั้งหลาย
ให้พ้นจากบาปทั้งหลาย และสามารถเข้าถึงซึ่งพระเป็นเจ้าได้อย่างสมบูรณ์
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้กระทำชะฮีดเอง
ที่นอกจากเป็นบุญกุศลใหญ่หลวงที่จะได้รับการตอบแทนขั้นสูงสุดจากพระเจ้าแล้ว
ยังถือว่าเป็นวีรชนแห่งมุสลิมและอิสลาม ที่จะได้รับการยกย่องเคารพบูชาไปนิรันดร
เมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์กรือเซะ
มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นหลายคน มีการฟัตวาจากนักศาสนาในพื้นที่ว่า เป็นการกระทำชะฮีด
และได้นำศพฝังโดยไม่ต้องอาบน้ำศพ ต่อมามีคำฟัตวาโดยผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ว่า
ไม่ใช่ชะฮีด เพราะไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ตามหลักศาสนา
ในที่สุดบางรายก็ต้องขุดศพขึ้นมาอาบน้ำศพใหม่ แล้วจึงฝังอีกครั้งหนึ่ง
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่า
การพลีชีพใดเป็นชะฮีดหรือไม่ มีหลักการทางศาสนาอิสลามที่สำคัญดังนี้คือ
ประการแรก
มีกรณียึดครอง หรือบุกรุก หรือเข้ายึดดินแดนของอิสลาม
ประการที่
2
มีสงคราม
หรือการต่อสู้ที่พี่น้องมุสลิมทำสงครามหรือต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาไว้หรือเพื่อปกป้องดินแดนแห่งอิสลามไม่ให้ถูกศัตรูยึดครอง
ประการที่
3 ผู้นำทางศาสนาระดับสูงสุดที่เกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบพื้นที่นั้นมีคำฟัตวาหรือคำวินิจฉัยทางศาสนาว่า
กรณีเป็นเรื่องสงครามทางศาสนา
ประการที่
4 พี่น้องมุสลิมได้เสียสละตนเองในการพิทักษ์รักษาหรือปกป้องดินแดนแห่งอิสลามและได้พลีชีวิตเพื่อการนั้น
เมื่อครบเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ทั้ง
4 ประการนี้นี่แล้ว การพลีชีพนั้นจึงเรียกว่าชะฮีดอันมีเกียรติยศ
สูงส่งและเป็นวีรกรรมสูงสุดแก่พี่น้องมุสลิม อันควรแก่การเคารพเชิดชูไปนิรันดร
ทำนองเดียวกันหรือลักษณะคล้ายคลึงกันกับการอบรมสั่งสอนให้พลีชีพเพื่อชาติ
ขณะนี้ได้มีกรณีหลายกรณีขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วก็มีการกล่าวอ้างกันเองว่า เป็นการพลีชีพเพื่อศาสนาหรือเป็นชะฮีด
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพี่น้องมุสลิมและผู้นำทางศาสนาอิสลามที่จะต้องทำความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการแห่งศาสนา
เพื่อความสงบสุขและความร่มเย็นของบ้านเมืองสืบไป
ที่สำคัญคือ
หน่วยงานภาครัฐเองก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ถ่องแท้
เพื่ออธิบายและทำความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายได้รับทราบ
ซึ่งพึงเข้าใจว่าบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นมีทั้งชาวพุทธ มีทั้งชาวมุสลิม
มีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีทั้งประชาชน
ดังนั้นการก่อเหตุประหัตประหารกัน
จึงมิใช่เป็นปัญหาระหว่างศาสนา หรือเป็นปัญหาของศาสนา
และเป็นปัญหาที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาสาเหตุและแก้ตรงจุดของสาเหตุนั้นให้สำเร็จ
การฆ่าคนตาย
หรือการที่ถูกฆ่าตายไม่ได้เป็นชะฮีดเสมอไป
การบิดเบือน การฆาตกรรม ที่มิใช่ชะฮีดให้เป็นชะฮีดก็คือบาปอย่างหนึ่งของทุกศาสนา
และจะต้องถูกลงโทษจากวิบากกรรมนั้นโดยเฉพาะถ้าหากเป็นมุสลิมก็จะถูกลงโทษจากพระอัลเลาะห์เป็นเจ้าด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น