นักสิทธินิ่งเฉยไม่ไหว
สังคมกดดันหนัก
ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์
กลุ่มขบวนการโจรใต้ลอบระเบิดหน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 67 ทำให้ครูตาดีกาหญิงเสียชีวิต ณ.
ที่เกิดเหตุ ขณะออกไปซื้อกับข้าวเพื่อทำอาหารให้เด็กๆ และมีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์
ทั้งเด็กเล็ก และผู้หญิงบาดเจ็บอีกกว่า 20 คน
ซึ่งจากกระแสสังคม
รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก และตั้งคำถามต่อ
นักสิทธิ์มนุษยชนในพื้นที่ เหตุใดถึงไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ
หรือออกมาเรียกร้องประณามกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่กระทำทารุณโหดร้ายต่อผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่เลย
แต่กลับกระตือรือร้น และให้ความสำคัญทุกครั้งเมื่อกลุ่มโจรใต้ แนวร่วม
เสียชีวิต หรือถูกจับกุม จะพากดดันเจ้าหน้าที่อย่างหนักให้ปล่อยตัวหรือรับผิดชอบเมื่อมีการวิสามัญ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออ่านคำแถลงอย่างจริงจังแล้วนั้น
กลับหดหู่ใจไปกว่าเดิม เสมือนไม่ใช่การออกมาประณามกลุ่มโจรใต้อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เป็นการออกมายกระดับความรุนแรงที่ต้องการให้สถานการณ์ถูกมองเป็นภาวะสงคราม
เพื่อต้องการดึงต่างประเทศเข้ามาแทรกแซง
เข้ามาช่วยเหลือกลุ่มขบวนการโจรใต้ในประเทศไทย
และในคำแถลงยังมีการแฝงไปด้วยการข่มขู่กดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้กระทำรุนแรงใดๆ ต่อกลุ่มโจรใต้
และให้เจ้าหน้าที่อดทนห้ามเป็นผู้กระทำก่อน
ทุกอย่างดูเผินๆเหมือนจะดี
แต่สอดใส้การดูถูกคุณค่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้อย่างโหดร้าย
และเป็นการประกาศแบบเนียนๆว่ากลุ่มตนพร้อมให้ความช่วยเหลือกลุ่มฆาตรกรและผู้กระทำผิดกฎหมายตลอดเวลา
ชัดเจนอย่างที่ทุกคนเคยทราบกันมาแล้ว
กับการกระทำของนักสิทธิมนุษยชนไทยที่ไปยืนชูป้ายสนับสนุนการแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ออกจากประเทศไทยเมื่อก่อนหน้านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น