วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เล่ห์เหลี่ยมโจรใต้..หลอกลูกหลานเราเข้าสู่ขบวนการ

ขบวนการชั่วร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักขบวนการที่มีความสุดโต่ง “โจรใต้ฟาตอนี กลุ่ม BRN”ที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐบาลไทย มีการปฏิบัติทั้งงานการเมืองและการใช้กำลังที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ “เอกราช” โดยที่ฝ่ายใช้กำลังทำการสู้รบแบบกองโจรมุ่งสร้างความปั่นป่วนด้วยการก่อเหตุร้ายทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำลายทรัพย์สิน สาธารณูปโภคของรัฐอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปีกการเมืองที่รับผิดชอบในการปลุกระดมแนวความคิด ได้มุ่งจุดประกายการกำหนดใจตนเอง (RSD) เพื่อนำไปสู่การลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชปกครองตนเอง จัดเสวนาสร้างการรับรู้ทั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ และยังต่างประเทศ

ตลอด 20 ปีไฟใต้ ณ ปลายด้ามขวานแห่งนี้ หลายคนสงสัยว่าเมื่อไหร่!! เหตุการณ์จะสงบสักที และผู้ที่ทำการก่อเหตุทั้งที่ถูกจับดำเนินคดีหรือเสียชีวิตจากการปะทะ ทำไม? ยังมีตัวตายตัวแทนเกิดขึ้น ยังไม่นับรวมผู้ที่กลับใจเข้ามารายงานตัวแสดงตนเข้าสู่โครงการพาคนกลับบ้าน กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว ถ้านับถึง ณ ปัจจุบันนี้ยอดทะลุเป็นหลัก 1,000 กว่าคน

คำถามนั้นอาจจะไม่มีคำตอบ และเป็นคำถามที่เราต้องสงสัยกันต่อไป แต่เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าของสมาชิกแนวร่วม ผู้ก่อการร้ายที่โดนจับกุมตัวกลับถึงบางอ้อ!! อย่างนี้นี่เอง ซึ่งแต่ละคนได้เล่าถึงปูมหลัง “จุดเริ่มต้นเข้าสู่ขบวนการ” เกิดจากถูกชักจูงจากแกนนำในพื้นที่ ซึ่งใช้เล่ห์เพอุบายหลอกล่อชักชวนเยาวชนและนักเรียน นักศึกษาเพื่อให้เข้าสู่องค์กร ด้วยการปลูกฝังและบ่มเพาะแนวความคิดตามที่ขบวนการต้องการ

วิธีการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร

จากคำบอกเล่าของผู้หลงผิดได้เล่าถึงวิธีการที่พวกโจรใต้เอามาใช้ต่อเป้าหมายแล้วได้ผลนั่นคือ การชักชวนเยาวชนเป้าหมายมารับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี หลักของการญีฮาดของศาสนาอิสลามที่เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ชี้ให้เห็นเงื่อนไข “ความไม่เป็นธรรม” ในสังคมที่ถูกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเงื่อนไขความเป็นชาติพันธุ์มลายูในระบบเครือญาติ มีการอิงแอบศาสนาอิสลาม กล่าวอ้างพระเจ้า หรือ “องค์อัลเลาะห์” เป็นสิ่งที่ต้องกระทำไม่กระทำจะเป็นบาป!!!

นอกจากนั้น จะมีการคัดเลือกเป้าหมายจะต้องเป็นเยาวชนที่มีความประพฤติดี เรียบร้อย เรียนเก่ง มีความอ่อนไหวง่ายต่อการปลูกฝังอุดมการณ์ทางความคิด โดยที่ผ่านมาพบว่าครูสอนศาสนา (อุสตาซ) หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่หรือบุคลากรในสถานศึกษาจะเป็นนักจัดตั้ง ด้วยการปลุกระดม ชักชวนให้เยาวชนเป้าหมายเข้าสู่ขบวนการ ซึ่งมีทั้งเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา

การเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารสมัยใหม่ ในการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร นับได้ว่าในปัจจุบันเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ใช้ได้ผล เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเยาวชนสมัยใหม่ ให้ความสนใจกับสื่อสังคมออนไลน์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสประจวบเหมาะในการสื่อสารโน้มน้าว พูดคุย ใส่ข้อมูล ที่ผิดๆ ลงไป ให้ทำการต่อต้านรัฐ เมื่อหลงเชื่อมีการนัดพบปะเพื่อดำเนินการจัดตั้งเป็นสมาชิก ผกร.ต่อไป

เนื้อหาของการบ่มเพาะ

การปลูกฝังอุดมการณ์แนวความคิดให้กับแนวร่วมยุคใหม่ กลุ่มผู้ก่อการร้าย ยังคงใช้เนื้อหาในการบ่มเพาะ 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ ด้านประวัติศาสตร์ ศาสนาอิสลาม และเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมาก

ด้านประวัติศาสตร์ จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐปาตานีดารุสลาม ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต มีอิสระ แต่กลับถูกยึดครองจากสยาม อีกทั้งยังมีการเกณฑ์แรงงานชาวปาตานี ไปขุดคลองแสนแสบที่บางกอก

อย่างไรก็ตามจากแหล่งข้อมูลมีการพบว่า ในปัจจุบันนี้มีการใช้เนื้อหาประวัติศาสตร์น้อยลงมาก ส่วนหนึ่ง อาจจะมาจากเยาวชนหรือแนวร่วมรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมกับประเด็นประวัติศาสตร์ อีกแล้ว

การใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือ จะใช้การบิดเบือนให้แนวร่วมเข้าใจผิดว่า การต่อสู้ของกลุ่มขบวนการเป็นความประสงค์ของพระเจ้า แล้วก็สร้างภาพให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า “คนอิสลามทุกคนคือนักรบของพระเจ้า ถ้าใครไม่รบก็จะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน หรือถ้าช่วยเหลือไม่ได้ก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกัน ทุกคนต้องสาบานว่า จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานีให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้า โดยถือคำสาบานว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เปล่งวาจาออกมาด้วยความเสียสละ ไม่กลัวตายใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นคำสัตย์สูงสุด”

ผู้ที่ไม่เข้าร่วมหรือไม่ทำตาม จะเป็นบาปตกนรก แต่ถ้าหากเสียชีวิตจากการต่อสู้จะได้ขึ้นสวรรค์ทันที การใช้ประเด็นศาสนามักใช้ได้ผลกับสมาชิกแนวร่วมที่มีความรู้น้อยเท่านั้น หากเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องศาสนาเป็นอย่างดีอาจจะไม่ได้ผลทางด้านจิตวิทยา

เหตุการณ์ ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมหมู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้ามัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้กลายเป็นวันเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มขบวนการ มีการใช้เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมากในการปลุกระดม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เพิ่งเกิดและส่งผลในด้านจิตวิทยาต่อเยาวชนหรือแนวร่วมโดยตรงให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ

การปลุกระดม

ฝ่ายปลุกระดม ไม่มีแบบแผนตายตัวขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แต่ส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ หรือได้รับการยกย่องและยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ มีคุณวุฒิทางศาสนา ขบวนการโจรใต้ฟาตอนี มีขีดความสามารถในการสร้างผู้นำศาสนา รวมทั้งครูสอนศาสนา (อุสตาส) ให้เป็นแกนนำในพื้นที่ต่างๆ แล้วแบ่งกันรับผิดชอบ ออกปฏิบัติการตามคำสั่งในการปลุกระดม และยังสามารถทำให้ผู้นำศาสนาเหล่านี้ มีความเลื่อมใสศรัทธา พอกพูนอุดมการณ์อย่างชนิดถวายหัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือการได้เป็นนักรบของพระเจ้า หลงเชื่อว่าเป็นการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยอิสลามจากการกดขี่ข่มเหงของคนต่างศาสนา

สถานที่ปลุกระดมบ่มเพาะ

กลุ่มผู้ก่อการร้าย ยังคงลักลอบใช้สถานที่ทั้งภายในสถานศึกษาและภายนอกสถานศึกษา ในการบ่มเพาะเยาวชนหรือแนวร่วม ตามจังหวะโอกาสจะเอื้ออำนวยแหล่งบ่มเพาะในสถานศึกษา นับว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีของกลุ่มผู้ก่อการร้าย เลยทีเดียว เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะแนวร่วมสั้นกว่านอกสถานศึกษา ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนหรือแนวร่วมที่เข้าสู่ขบวนการบ่มเพาะในสถานศึกษา มักมีความตั้งใจในการรับฟังและเชื่อฟังสูงกว่าผู้ที่เข้าร่วมการบ่มเพาะนอกสถานศึกษา

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่มีข่าวคราวโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน หรือปอเนาะมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการมาโดยตลอด เป็นที่ซ่องสุมกำลัง เป็นแหล่งพักพิง หลบซ่อนตัว ซ่อนอาวุธ และเป็นที่ประกอบวัตถุระเบิดของผู้ก่อการร้าย

นี่คือ รูปแบบในการหาสมาชิกแนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ฝากผู้ปกครองคอยย้ำเตือนดูแลบุตรหลาน อย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มโจรชั่วเหล่านี้ โดยเฉพาะบุตรหลานของท่านที่เป็นเด็กนิสัยดี เรียบร้อย เรียนเก่ง อย่านิ่งนอนใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการ

อย่าลืมว่าเด็กที่มีคุณสมบัติเหล่านี้คือเป้าหมายของกลุ่มขบวนการ ที่อยู่ในสายตา ผู้ก่อการร้ายคอยติดตาม ชักชวนให้เข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย ยากที่จะถอนตัว เนื่องจากถูกปลูกฝังอุดมการณ์ เหมือนการฝังซิป ด้วยการบิดเบือนความจริง ใส่ข้อมูลผิดๆ ให้หลงเชื่อตามที่กลุ่มขบวนการต้องการ หลายต่อหลายครั้งที่เกิดการปะทะจนนำไปสู่การสูญเสีย ณ เวลานั้นมันสายเกินแก้ไปเสียแล้ว กว่าจะรู้ว่าลูกตัวเองเป็นสมาชิกแนวร่วม....พ่อแม่ต้องเสียน้ำตา บุตรหลานต้องจบชีวิตลงหมดสิ้นอนาคต หมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราจะไปร้องเรียกหาอะไรจากใครไม่ได้อีกเลย!!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น