ศาสนา
เป็นหนึ่งใน 3 สถาบันหลักที่ชาวไทยยึดถือ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
และทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงยึดมั่นในพระพุทธศาสนาทรงสวดมนต์
ทรงตักบาตร และทรงสดับพระธรรมเทศนา เมื่อจะเสด็จพระราชดำเนินไป
ทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ
และเมื่อเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรแล้ว
มีพระราชศรัทธาทรงพระผนวชเป็นพระภิกษุตามประเพณีของไทยทางพุทธศาสนา ตลอดเวลา 15
วันที่ทรงพระผนวช ได้ทรงประกอบศาสนกิจตามพระวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัด
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาโดยสม่ำเสมอ ทรงนำข้อธรรมะมาเป็นหลัก
ในการพระราชทานพระบรมราโชวาท ทรงอุปถัมภ์เกื้อกูลศาสนบุคคล ศาสนพิธี
และศาสนวัตถุมาโดยตลอด เช่น
พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่สามเณรที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9
ประโยคในการอุปสมบทเป็นพระภิกษุนาคหลวง ทรงสถาปนาพระราชาคณะ พระราชทานพระสมณศักดิ์
ทรงถวายผ้าพระกฐิน และพระราชทานพระราชทรัพย์ในการก่อสร้างและบำรุงรักษาวัดวาอาราม
ทรงสร้างพระพุทธรูปในโอกาสต่างๆ ได้แก่ พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ ประจำรัชกาล
พระพุทธรูป ภ.ป.ร. พระพุทธนวราชบพิตรพระพิมพ์จิตรลดา และพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ
ในการปลูกฝังธรรมะแก่ราษฎร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก”
พระราชทานเป็นธรรมะแก่ราษฎรให้มีความเพียร
ด้วยความอดทนโดยไม่ท้อแท้จนกว่าจะประสบความสำเร็จโดยไม่หวังผลตอบแทน
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ในโอกาสเฉลิมฉลองพระราชาพิธีกาญจนาภิเษก ต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตพิมพ์เป็นหนังสืออ่านสำหรับเยาวชน
นอกจาก จะทรงศึกษาและทรงปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างสม่ำเสมอแล้วยังทรงเผยแผ่แก่ราษฎร
เพื่อเป็นหลักยึดทางจิตใจและการดำเนินชีวิต ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ได้เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชรพระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน
พุทธศักราช 2549
ได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในเรื่องคุณธรรมอันเป็นที่ตั้งของความรักความสามัคคีที่จะทำให้คนไทยร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
4 ประการ คือ
ประการที่
1
การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่
2
การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงานประสานประโยชน์กัน
ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และประเทศชาติ
ประการที่
3
การที่ทุกคนปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต
ในกฎกติกาและในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
ประการที่
4
การที่ต่างคนต่างพยายามนำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
หากความคิดจิตใจและประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดีที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลอยู่ภายในกายในใจของคนไทย
ก็มั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้
ในฐานะอัครศาสนูปถัมภก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่ศาสนาต่างๆ ที่ประชาชนนับถือโดยทั่วถึง ได้แก่
ศาสนาคริสต์
สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล สร้างโบสถ์และประกอบศาสนกิจได้ทั่วทุกภาคของประเทศ
เมื่อเอกอัครสมณทูต ณ แห่งนครรัฐวาติกันเดินทางมาประเทศไทย
ก็ได้รับพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาสน์ตราตั้ง
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พุทธศักราช 2512 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
และเมื่อพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาธอลิก
เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 - 11 พฤษภาคม พุทธศักราช 2527
เสด็จออกทรงรับ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอย่าง สมพระเกียรติ
สร้างความปลาบปลื้มอิ่มเอมใจแก่ชาวไทยที่นับถือคริสตศาสนา เป็นอันมาก
ศาสนาอิสลาม
มีมัสยิดอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ทรงห่วงใยประชาชนในภาคใต้ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและพูดภาษายาวี
ได้มีพระราชดำรัสแก่ทางการศึกษาให้พยายามจัดให้ประชาชนสามารถพูดภาษาไทยให้ได้และให้กระทรวงศึกษาธิการ
ช่วยส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสอนวิชาสามัญและวิชาชีพ
ได้ทรงติดตามผลโดยพระราชทานรางวัลแก่ครูโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามที่ปรับปรุงดำเนินกิจการตามพระราชดำริ
และเพื่อให้คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม มีความรู้ในสาระของคัมภีร์กุรอ่าน ซึ่งเป็นภาษาอาหรับได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ให้จุฬาราชมนตรี จัดแปลคัมภีร์กุรอ่านเป็นเป็นภาษาไทยและพระราชทานเงินในการจัดพิมพ์ในการเสด็จพระราชดำเนิน
เยี่ยมชาวไทยมุสลิมภาคใต้
ได้พระราชทานพระราชทรัพย์สมทบทุนสร้างหรือบูรณะมัสยิดเสด็จเยี่ยม
ในวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม เช่น การเฉลิมฉลอง 14 ศตวรรษแห่งคัมภีร์กุรอ่าน
การจัดงานเมาลิดกลาง ได้เสด็จฯ
ไปเป็นประธานพิธีเปิดงานและต่อมาทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จฯ แทนพระองค์
ศาสนาพราหมณ์
ฮินดู
มีอยู่ในเมืองไทยมาช้านาน ได้พระราชทานฐานันดรศักดิ์แก่พราหมณ์
เมื่อมีพระราชพิธีตามโบราณราชประเพณีได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพิธีพราหมณ์ควบคู่กับพิธีทางพุทธศาสนาเสมอ
และให้พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ซึ่งมีพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระราชครูวามเทพมุนี อ่านประกาศบวงสรวง ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนต์และอื่นๆ
ตามพิธีพราหมณ์
สถานที่อันเกี่ยวเนื่องกับศาสนาฮินดูได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี เช่น
โบสถ์พราหมณ์ เมื่อสมาคมฮินดูสมาธแห่งประเทศไทยสร้าง “เทพมณเทียร”
เพื่อเป็นศูนย์รวมของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ในประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิด
ศาสนาซิกข์
ชาวไทยผู้นับถือศาสนาซิกข์ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย
ได้ดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับผู้นับถือศาสนาอื่นๆ สามารถบำเพ็ญศาสนกิจได้โดยเสรี
เมื่อวันครบรอบ 500 ปีแห่งศาสนาซิกข์
ผู้นับถือศาสนาซิกข์ในประเทศไทยจัดงานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธี
ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์
ได้มีพระมหากรุณาธิคุณอุปถัมภ์ค้ำจุนทุกศาสนา ที่คนไทยนับถือมาโดยตลอดและอย่างทั่วถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น