ปัตตานีมหานคร
ต่อสู้ในแนวทางสันติหรือกอบกู้เอกราช
ประเด็นแนวความคิดในการจัดตั้ง
“นครรัฐปัตตานี” หรือ “ปัตตานีมหานคร” เคยเป็นประเด็นร้อนในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา โดยได้มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ยกขี้นมาเป็นนโยบายเพื่อหาเสียงกับประชาชนใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งติดตามมาด้วยการวิพากษ์มากมายหลายกระแสทั้งจากนักวิชาการต่างๆ
จนถึงชาวบ้านในร้านน้ำชา ถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสม รวมถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือประชาชนในพื้นที่
ว่า ต้องการที่จะปกครองตนเองในรูปแบบเขตปกครองพิเศษหรือไม่ แต่แล้วเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่าพรรคการเมืองพรรคนั้นพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบ
ซึ่งผลการเลือกตั้งดังกล่าวอาจสามารถบ่งชี้ความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ว่าไม่ได้ต้องการปกครองตนเอง
เรื่อง “ปัตตานีมหานคร” จึงมีอันพับเก็บไป
แม้ว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม
อย่างไรก็ดีถึงวันนี้แม้ว่าเรื่องปัตตานีมหานครยังคงคลุมเครืออยู่
แต่ในความคลุมเครือนั้นยังมีความเคลื่อนไหว เพื่อสนับสนุนในหลายรูปแบบทั้งการจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ
การจัดเวทีสัมมนารวมทั้งการร่าง พรบ.ปัตตานีมหานครไว้แล้วเรียบร้อย
โดยกลุ่มภาคประชาสังคมที่ทำงานสอดคล้องกันเป็นเครือข่ายภายใต้การนำของอดีต พล.ต.ต.จำรูญ
เด่นอุดม หรือชาวบ้านเรียกกันว่า “โต๊ะกู” อดีตนายตำรวจมือปราบ ซึ่งรับราชการอยู่ในพื้นที่มาทั้งชีวิตและรู้ปัญหาดี
กับนายมันโซ สาและ รองประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลาม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดนี้
พร้อมด้วยนายมูหัมหมัด นอร์ ม๊ะท่า นักการเมืองใหญ่ ที่ยังคงมีบทบาทกำหนดความเป็นไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ใครๆ ต่างทราบดีว่า เขาอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนพื้นที่นี้ให้เป็น”ปัตตานีมหานคร”
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคน ที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ทั้งหมด
ความจริงเรื่องหนึ่งที่ทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคงหรือ ศอ.บต. ทราบดีคือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่ากลุ่มใด
ซึ่งเป็นตัวการของปัญหาความรุนแรงไม่ต้องการเขตปกครองพิเศษไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สิ่งเดียวที่ต้องการคือ
การแบ่งแยกดินแดนเพื่อกอบกู้เอกราช
และแน่นอนว่า
เมื่อขบวนการไม่ต้องการในพื้นที่นี้เป็นเขตปกครองพิเศษ
ยุทธการปัดแข้งปัดขาโดยการดิสเครดิตผู้ที่พยายามขับเคลื่อนปัตตานีมหานคร ก็เกิดขึ้น
โดยการออกมากล่าวอ้างผ่านสื่อในความควบคุมของตนทำนองว่า
เคยกวาดล้างนักสู้เพื่อเอกราชมามากมายบ้าง ไม่รู้ปัญหาในพื้นที่จริงบ้าง ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่บ้าง
พร้อมกับยกประเด็นเรื่องเก่าๆ ของบุคคลนั้นๆ
มาใส่ความในลักษณะให้ข่าวสารด้านเดียว (http://patanimerdeka.wordpress.com/ ปัตตานีมหานคร เหมือนเตะมุมเข้าปากหมา) ซึ่งขบวนการนั้นมีทีมงานที่มีความถนัดในเรื่องการสาดโคลนใส่ผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ซึ่งหากพิจารณาถึงสาเหตุความไม่ต้องการเป็นเขตปกครองพิเศษของขบวนการก็พอจะมีอยู่ 2
ประเด็น
ประเด็นแรกเป็นเรื่องของความกลัว
กลัวว่าหากปัตตานีมหานครถูกจัดตั้งขึ้นได้จริง ขบวนการจะต้องถูกลดความสำคัญลงไป
เพราะการจัดตั้งในขั้นตอนหนึ่งจะต้องมีการคัดสรรบุคคลโดยวิธีการใดๆ
ขึ้นมาเป็นส่วนงานต่างๆ ในรูปแบบของเขตปกครองพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลนั้นๆ
จะต้องเป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่
ที่สำคัญต้องเป็นบุคคลที่มีเชื้อสายมลายูเข้ามาขับเคลื่อนบริหารจัดการในพื้นที่พิเศษที่มีปัญหาเฉพาะนี้ในทุกด้าน
ภายใต้ความร่วมมืออย่างดี จากประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเชื้อสายมลายูที่เห็นดีเห็นงามด้วย
ผลที่ตามมาคือ ความสงบสันติจะเกิดขึ้นได้อย่างมีทิศทาง
และหากเป็นเช่นนั้นจริงขบวนการก็จะหมดทางหากิน
และไม่มีข้ออ้างไปแบมือขอเงินจากกลุ่มประเทศมุสลิมต่างๆ
เพราะประเทศเหล่านั้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นก็จะหันไปให้
การสนับสนุนกลุ่มอื่นๆ ในประเทศอื่นๆ ที่ยังมีปัญหาความรุนแรง
แน่นอนว่าด้วยเงินจำนวนมหาศาล
ที่เคยได้นำมาแบ่งสรรค์กันระหว่างแกนนำ เพื่อใช้เสพสุขกันอย่างสะดวกสบายก็จะหายไป
นี่เป็นประเด็นหลักที่ขบวนการ ต้องออกมาขัดขวางและพยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรงฆ่าคนบริสุทธิ์โยนความผิดให้เจ้าหน้าที่
แล้วอ้างว่าพี่น้องมุสลิมถูกรังแก เพื่อขอเงินสนับสนุนต่อไป
ประเด็นที่สอง ยังเป็นเรื่องความกลัวเหมือนเดิม
แต่คราวนี้กลัวว่าหากปัตตานีมหานคร ถูกจัดตั้งขึ้นได้จริง ผู้ที่จะเข้ามาบริหาร ต้องไม่ใช่คนในขบวนการอย่างแน่นอน
หากแต่จะเป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลสูง หรือผู้นำที่เคยมีบทบาทนำในการบริหารพื้นที่ตามแนวทางการบริหาร
หรือบุคคลใดๆ ที่มาจากการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิไตย
ต้องไม่ใช่คนที่มือเปื้อนเลือดฆ่าพี่น้องมลายูมุสลิมเหมือนผักปลาอย่างขบวนการ
แล้วพวกเขาจะนั่งอยู่ตรงส่วนใดในตำแหน่งใดของมหานครนี้ และเมื่อคาดการณ์เป็นอย่างนี้แล้วจะยอมให้เกิดเขตปกครองพิเศษทำไม
การแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาเข้ามานั่งชูคอในฝ่ายบริหาร
มีตำแหน่งใหญ่โตได้
เพราะหากแบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จจริง ขบวนการยังมีกองกำลังติดอาวุธที่พร้อมกุดหัวใครก็ได้
ที่เข้ามาขวางเส้นทางการเป็นใหญ่เป็นโตของพวกตน
ดังนั้นการปล่อยให้เกิดปัตตานีมหานคร
จึงไม่เป็นผลดีต่อขบวนการด้วยประการทั้งปวง
แม้ว่าการจัดตั้งเขตปกครองยังมองเห็นอยู่ลิบๆ
ข้างหน้า แต่กลุ่มภาคประชาสังคมต่างๆ ก็ยังคงพยายามกันต่อไป ด้วยหวังว่าแนวทางนี้จะช่วยให้เกิดสมดุลทางการกระจายอำนาจ
และเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ไม่ใช่เพื่อการแบ่งแยกดินแดน แต่ที่สำคัญที่สุด
หากมองว่าบุคคล 2 กลุ่มนี้คือ กลุ่มนักต่อสู้เพื่อปัตตานีมหานคร กับกลุ่มนักต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชปัตตานี
กำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองอันเป็นที่รัก เพื่ออนาคตลูกหลานแล้ว
การต่อสู้ของกลุ่มต่อสู้ เพื่อปัตตานีมหานคร ถือเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ เสนอแนวทาง
ที่พวกเขาเชื่อว่า จะช่วยให้ปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานลดลงหรือหมดไป
โดยถือเอาเสียงใหญ่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก
ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ยอมรับได้
แต่การต่อสู้ของกลุ่มนักต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชปัตตานี
ที่ดีแต่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ถือปืนไปขู่ให้ชาวบ้านกลัวไปวันๆ
ใครไม่ยอมทำตามก็ยิงทิ้ง แล้วมาอ้างว่าทำเพื่อผืนแผ่นดินอันเป็นที่รัก ทำเพื่ออนาคตของประชาชนและลูกหลาน
แล้วไอ้ที่ตายๆ ไปน่ะเกือบครึ่งหนึ่งไม่ใช่ลูกหลานมลายูหรือ...ทุเรศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น