วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ปัตตานีมหานคร ต่อสู้ในแนวทางสันติหรือกอบกู้เอกราช

ปัตตานีมหานคร ต่อสู้ในแนวทางสันติหรือกอบกู้เอกราช

ประเด็นแนวความคิดในการจัดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” หรือ “ปัตตานีมหานคร” เคยเป็นประเด็นร้อนในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา  โดยได้มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ยกขี้นมาเป็นนโยบายเพื่อหาเสียงกับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งติดตามมาด้วยการวิพากษ์มากมายหลายกระแสทั้งจากนักวิชาการต่างๆ จนถึงชาวบ้านในร้านน้ำชา ถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสม รวมถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือประชาชนในพื้นที่ ว่า ต้องการที่จะปกครองตนเองในรูปแบบเขตปกครองพิเศษหรือไม่ แต่แล้วเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่าพรรคการเมืองพรรคนั้นพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบ ซึ่งผลการเลือกตั้งดังกล่าวอาจสามารถบ่งชี้ความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ว่าไม่ได้ต้องการปกครองตนเอง เรื่อง “ปัตตานีมหานคร” จึงมีอันพับเก็บไป  แม้ว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม

อย่างไรก็ดีถึงวันนี้แม้ว่าเรื่องปัตตานีมหานครยังคงคลุมเครืออยู่ แต่ในความคลุมเครือนั้นยังมีความเคลื่อนไหว เพื่อสนับสนุนในหลายรูปแบบทั้งการจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ การจัดเวทีสัมมนารวมทั้งการร่าง พรบ.ปัตตานีมหานครไว้แล้วเรียบร้อย โดยกลุ่มภาคประชาสังคมที่ทำงานสอดคล้องกันเป็นเครือข่ายภายใต้การนำของอดีต พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม หรือชาวบ้านเรียกกันว่า “โต๊ะกู” อดีตนายตำรวจมือปราบ ซึ่งรับราชการอยู่ในพื้นที่มาทั้งชีวิตและรู้ปัญหาดี กับนายมันโซ สาและ รองประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลาม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดนี้ พร้อมด้วยนายมูหัมหมัด นอร์ ม๊ะท่า นักการเมืองใหญ่ ที่ยังคงมีบทบาทกำหนดความเป็นไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ใครๆ ต่างทราบดีว่า เขาอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนพื้นที่นี้ให้เป็น”ปัตตานีมหานคร” นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคน ที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ทั้งหมด

ความจริงเรื่องหนึ่งที่ทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคงหรือ ศอ.บต. ทราบดีคือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่ากลุ่มใด ซึ่งเป็นตัวการของปัญหาความรุนแรงไม่ต้องการเขตปกครองพิเศษไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สิ่งเดียวที่ต้องการคือ การแบ่งแยกดินแดนเพื่อกอบกู้เอกราช

และแน่นอนว่า เมื่อขบวนการไม่ต้องการในพื้นที่นี้เป็นเขตปกครองพิเศษ ยุทธการปัดแข้งปัดขาโดยการดิสเครดิตผู้ที่พยายามขับเคลื่อนปัตตานีมหานคร ก็เกิดขึ้น โดยการออกมากล่าวอ้างผ่านสื่อในความควบคุมของตนทำนองว่า เคยกวาดล้างนักสู้เพื่อเอกราชมามากมายบ้าง ไม่รู้ปัญหาในพื้นที่จริงบ้าง ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่บ้าง พร้อมกับยกประเด็นเรื่องเก่าๆ ของบุคคลนั้นๆ มาใส่ความในลักษณะให้ข่าวสารด้านเดียว  (http://patanimerdeka.wordpress.com/ ปัตตานีมหานคร เหมือนเตะมุมเข้าปากหมา) ซึ่งขบวนการนั้นมีทีมงานที่มีความถนัดในเรื่องการสาดโคลนใส่ผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งหากพิจารณาถึงสาเหตุความไม่ต้องการเป็นเขตปกครองพิเศษของขบวนการก็พอจะมีอยู่ 2  ประเด็น

ประเด็นแรกเป็นเรื่องของความกลัว กลัวว่าหากปัตตานีมหานครถูกจัดตั้งขึ้นได้จริง ขบวนการจะต้องถูกลดความสำคัญลงไป เพราะการจัดตั้งในขั้นตอนหนึ่งจะต้องมีการคัดสรรบุคคลโดยวิธีการใดๆ ขึ้นมาเป็นส่วนงานต่างๆ ในรูปแบบของเขตปกครองพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลนั้นๆ จะต้องเป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่ ที่สำคัญต้องเป็นบุคคลที่มีเชื้อสายมลายูเข้ามาขับเคลื่อนบริหารจัดการในพื้นที่พิเศษที่มีปัญหาเฉพาะนี้ในทุกด้าน ภายใต้ความร่วมมืออย่างดี จากประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเชื้อสายมลายูที่เห็นดีเห็นงามด้วย ผลที่ตามมาคือ ความสงบสันติจะเกิดขึ้นได้อย่างมีทิศทาง และหากเป็นเช่นนั้นจริงขบวนการก็จะหมดทางหากิน และไม่มีข้ออ้างไปแบมือขอเงินจากกลุ่มประเทศมุสลิมต่างๆ เพราะประเทศเหล่านั้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นก็จะหันไปให้ การสนับสนุนกลุ่มอื่นๆ ในประเทศอื่นๆ ที่ยังมีปัญหาความรุนแรง

แน่นอนว่าด้วยเงินจำนวนมหาศาล ที่เคยได้นำมาแบ่งสรรค์กันระหว่างแกนนำ เพื่อใช้เสพสุขกันอย่างสะดวกสบายก็จะหายไป นี่เป็นประเด็นหลักที่ขบวนการ ต้องออกมาขัดขวางและพยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรงฆ่าคนบริสุทธิ์โยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ แล้วอ้างว่าพี่น้องมุสลิมถูกรังแก เพื่อขอเงินสนับสนุนต่อไป

ประเด็นที่สอง ยังเป็นเรื่องความกลัวเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลัวว่าหากปัตตานีมหานคร ถูกจัดตั้งขึ้นได้จริง ผู้ที่จะเข้ามาบริหาร ต้องไม่ใช่คนในขบวนการอย่างแน่นอน หากแต่จะเป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลสูง หรือผู้นำที่เคยมีบทบาทนำในการบริหารพื้นที่ตามแนวทางการบริหาร หรือบุคคลใดๆ ที่มาจากการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิไตย ต้องไม่ใช่คนที่มือเปื้อนเลือดฆ่าพี่น้องมลายูมุสลิมเหมือนผักปลาอย่างขบวนการ แล้วพวกเขาจะนั่งอยู่ตรงส่วนใดในตำแหน่งใดของมหานครนี้ และเมื่อคาดการณ์เป็นอย่างนี้แล้วจะยอมให้เกิดเขตปกครองพิเศษทำไม การแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาเข้ามานั่งชูคอในฝ่ายบริหาร มีตำแหน่งใหญ่โตได้  เพราะหากแบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จจริง ขบวนการยังมีกองกำลังติดอาวุธที่พร้อมกุดหัวใครก็ได้ ที่เข้ามาขวางเส้นทางการเป็นใหญ่เป็นโตของพวกตน

ดังนั้นการปล่อยให้เกิดปัตตานีมหานคร จึงไม่เป็นผลดีต่อขบวนการด้วยประการทั้งปวง

แม้ว่าการจัดตั้งเขตปกครองยังมองเห็นอยู่ลิบๆ ข้างหน้า แต่กลุ่มภาคประชาสังคมต่างๆ ก็ยังคงพยายามกันต่อไป ด้วยหวังว่าแนวทางนี้จะช่วยให้เกิดสมดุลทางการกระจายอำนาจ และเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ไม่ใช่เพื่อการแบ่งแยกดินแดน แต่ที่สำคัญที่สุด หากมองว่าบุคคล 2 กลุ่มนี้คือ กลุ่มนักต่อสู้เพื่อปัตตานีมหานคร กับกลุ่มนักต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชปัตตานี กำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองอันเป็นที่รัก เพื่ออนาคตลูกหลานแล้ว การต่อสู้ของกลุ่มต่อสู้ เพื่อปัตตานีมหานคร ถือเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ เสนอแนวทาง ที่พวกเขาเชื่อว่า จะช่วยให้ปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานลดลงหรือหมดไป โดยถือเอาเสียงใหญ่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ยอมรับได้

แต่การต่อสู้ของกลุ่มนักต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชปัตตานี ที่ดีแต่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ถือปืนไปขู่ให้ชาวบ้านกลัวไปวันๆ ใครไม่ยอมทำตามก็ยิงทิ้ง แล้วมาอ้างว่าทำเพื่อผืนแผ่นดินอันเป็นที่รัก ทำเพื่ออนาคตของประชาชนและลูกหลาน แล้วไอ้ที่ตายๆ ไปน่ะเกือบครึ่งหนึ่งไม่ใช่ลูกหลานมลายูหรือ...ทุเรศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น