กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา
เมื่อเพจที่ใช้ชื่อว่า BRN
- Barisan revolusi national ออกมาตอบโต้ข่าวเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหนุ่มวัย
31 ปี ที่ออกอาการพิรุธ เมื่อขี่รถจักรยานยนต์เข้าด่านตรวจของชุดคุ้มครองตำบล
(ชคต.) คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา
โดยเพจที่อ้างชื่อ
BRN
นี้
เชื่อกันว่าเป็นช่องทางการสื่อสารของขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน
มีส่วนเกี่ยวพันกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
และปัจจุบันร่วมคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขกับรัฐบาลไทยอยู่
แต่ไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเพจทางการของขบวนการจริงหรือไม่
เพจ
BRN แชร์ข้อความอ้างอิงถึงข่าวที่เสนอในเว็บไซต์
เรื่องเล่าชายแดนใต้ เรื่อง ตอบคำถาม ด่านมีไว้ทำไม... ว่า “คนร้ายควบ
จยย.เจอด่าน-ตกใจรถล้ม วัตถุคล้ายระเบิดหล่น กระสุนปืนคาเบาะ”
โดยมีเนื้อหาเชิงโต้แย้งว่า
“เหตุการณ์ควบคุมตัวประชาชนรายหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลคีรีเขต อำเภอธารโต
จังหวัดยะลา ซึ่งจากการตรวจสอบในฐานข้อมูลของฝ่ายกองกำลังในพื้นที่ ไม่มีรายชื่อของนักรบรายนี้ในสารบบ
รวมทั้งข้อมูลในเชิงลึก
พบว่าประชาชนรายนี้ เป็นนกต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรอำเภอธารโต
มีประวัติถูกควบคุมตัวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวมาโดยตลอด
ในการนี้ จึงขอปฏิเสธว่าประชาชนรายดังกล่าว
มิใช่นักรบในสังกัดของกองกำลังปาตานีแต่อย่างใด
พฤติกรรมดังกล่าวเป็นเพียงลักษณะนิสัยของตัวบุคคล
ทั้งนี้
ขอให้สำนักสื่อฯ ที่ลงข่าวเกี่ยวเนื่องจากเหตุดังกล่าว
ขอให้ใช้ความเป็นมืออาชีพในการสืบสวนหาข่าวที่รอบด้าน มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน”(ลงชื่อ BRN)
เปิดต้นทางข่าวจาก
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นที่น่าสังเกตว่า เพจที่อ้างชื่อ BRN เขียนข้อความลงท้ายในเชิงตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ไม่สืบสวนหาข่าวให้รอบด้าน
ทั้งๆ ที่เนื้อหาและข้อมูลของข่าวนี้
มาจากการเผยแพร่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4
สน.) ข่าวในเพจ กอ.รมน.ภาค 4 สน.
โดยเป็นข่าวทางการ
ที่ระบุชื่อผู้ให้ข่าว คือ พันเอก เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษก กอ.รมน.ภาค 4
สน.อย่างชัดเจน ไม่ใช่ข่าวที่สื่อมวลชนรายงานขึ้นเอง
รวมถึงข้อสังเกตเรื่องพฤติการณ์ “อาจเป็นผู้ไม่หวังดี”
ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตของโฆษก
กอ.รมน.ภาค 4 สน. ไม่ใช่สื่อมวลชนคาดการณ์ สันนิษฐาน หรือทึกทักเอาเองแต่อย่างใด
อ่านประกอบ : ตอบคำถาม
ด่านมีไว้ทำไม... https://fauziabmata01.blogspot.com/2024/02/blog-post_11.html
ขยายผลค้นบ้าน
เจอปืน-กระสุนอีกเพียบ ที่สำคัญก็คือ ในเวลาต่อมา กอ.รมน.ภาค 4
สน. ได้ขยายผลตรวจสอบบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
พบยาเสพติดและของกลางหลายรายการ
ข่าวนี้ก็รายงานโดย
กอ.รมน.ภาค 4 สน. พันเอก เอกวริทธิ์ คนเดิม เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 9
กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลคีรีเขต
อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด หน้าฐานปฏิบัติการ
และได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง คือ
นายวันมูหัมหมัดสุกรี แวเลาะ อายุ 31 ปี และนำตัวส่งโรงพยาบาล
เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ภายหลัง
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่เกิดเหตุและตรวจยานพาหนะของนายวันมูหัมหมัดสุกรีฯ
พบลูกกระสุนปืนขนาด .38 มิลลิเมตร จำนวน 3 นัด ใต้เบาะที่นั่งรถจักรยานยนต์
และพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บริเวณใกล้เคียง
มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กขนาดความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร มีสายไฟยื่นออกมา
จึงทำการปิดกั้นพื้นที่ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด
เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย และเก็บวัตถุพยานหลักฐานได้เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งจากการตรวจสอบพฤติกรรม
ของนายมูหัมหมัดสุกรีฯ ทราบว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อนอีกด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่
10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.
เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจสอบบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลคีรีเขต อำเภอธารโต
จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นบ้านที่ นายวันมูหัมหมัดสุกรีฯ พักอาศัยอยู่
จากการตรวจสอบพบของกลางหลายรายการ ดังนี้
-
ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 3,000 เม็ด
- อาวุธปืน ขนาด
.22 จำนวน 1 กระบอก
-
อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก
- กระสุนปืนขนาด
.22 จำนวนหนึ่ง ( อยู่ระหว่างการตรวจนับ )
- กระสุนปืนขนาด
.38 จำนวน 3 ลูก
สันนิษฐานเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง
มุ่งสร้างสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่ตรวจยึดอีกจำนวนหนึ่ง
อยู่ระหว่างการตรวจสอบยืนยันจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่แน่ชัด
จากของกลางที่ตรวจยึดได้ สันนิษฐานว่า นายวันมูหัมหมัดสุกรีฯ
อาจเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มุ่งก่อเหตุการสร้างสถานการณ์ในห้วงเทศกาลสำคัญ
ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายวันมูหัมหมัดสุกรีฯ ส่งศูนย์ซักถาม
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
คนข่าวมึน
สนง.อยู่ที่ไหน ใครบ้างคือ BRN? อนึ่ง
การนำเสนอข่าวนี้ เป็นการนำเสนอข่าวตามปกติและตามมาตรฐานวิชาชีพของสื่อมวลชนทั่วไป
แต่เพจที่อ้างชื่อ BRN
กลับตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อ ทั้งๆ ที่มีข้อสังเกตดังนี้
1. สื่อไม่ได้รายงานเอง
หรือสรุปเอง แต่เป็นข่าวที่มีแหล่งข่าวอ้างถึงชัดเจน นั่นก็คือ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4
สน.
2. การที่เพจ BRN อ้างว่าสื่อไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าใครเป็นนักรบของ BRN บ้าง ทำให้เกิดคำถามว่า สื่อมวลชนทั่วไป ซึ่งเป็นสื่อมวลชนไทย
จะตรวจสอบรายชื่อนักรบ BRN ได้ที่ไหน
-สำนักงาน
BRN
อยู่ที่ไหน
-ใครคือผู้ประสานงานของ
BRN
ที่พร้อมตอบคำถามนักข่าว
-หากบุคคลผู้นั้นตอบคำถามนักข่าว
BRN
จะยอมรับว่าเป็นการให้ข่าวในนามของตนหรือไม่
3. ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
BRN
ที่ส่งตัวแทนร่วมคณะพูดคุยกับรัฐบาลไทย ใช้การสื่อสารทางเดียว
คือเผยแพร่คลิปวีดีโอที่บันทึกภาพไว้ก่อนแล้ว และเลือกเผยแพร่ในเวลาที่ฝ่ายตนกำหนด
โดยไม่ได้เปิดการแถลงข่าว หรือเปิดช่องทางเพื่อให้มีการซักถามแต่อย่างใด
4. ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
BRN
อยู่ในสถานะ “องค์กรลับ” ไม่มีใครตอบได้ชัดๆ
ว่าบุคคลไหนคือแกนนำหรือสมาชิก BRN
ตลอดมา
BRN
ก็ใช้จุดนี้สร้างความได้เปรียบและสร้างความสับสนให้กับสังคมมาโดยตลอด
โดยเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องดี ส่งผลบวกต่อมวลชน ก็อ้างเป็นการกระทำของตน
แต่ถ้าเหตุการณ์ไหนเป็นเรื่องร้าย กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ หรือสร้างการสูญเสีย
ก็อ้างว่าตนไม่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
แม้ที่ผ่านมาจะมีสื่อไทย
พยายามสอบถามประเด็นต่างๆ แม้แต่กับบุคคลที่ร่วมอยู่ในคณะพูดคุยด้วยก็ตาม
แต่เกือบทั้งหมดมักไม่ได้รับคำตอบ
หรือหากจะตอบก็ตอบเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตนเองเท่านั้น
ส่งผลให้การทำงานของสื่อในการรายงานข่าวที่เกี่ยวกับ BRN เป็นไปอย่างยากลำบาก
5. มีความเป็นไปได้ว่า
ความผิดพลาดของหนุ่มวัย 31 ปี ที่ทำวัตถุต้องสงสัยหล่นคาด่านตรวจ
ส่งผลกระทบต่อเครดิตและข้อเรียกร้องของ BRN ซึ่งพยายามส่งเสียงผ่านช่องทางต่างๆ
มาโดยตลอดว่าให้ฝ่ายความมั่นคงไทยยกเลิกด่านตรวจ
โดยอ้างเรื่องภาพลักษณ์เหมือนดินแดนสงคราม มีการลิดรอนสิทธิ์ของประชาชนคนในพื้นที่
ทั้งๆ ที่การสำรวจความคิดเห็นหลายๆ ครั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องการให้มีด่านตรวจต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น
ในการพูดคุยสันติสุขรอบล่าสุดที่มาเลเซีย วันที่ 6-7 ก.พ.67 ที่ผ่านมา
ประเด็นลดด่านตรวจบนท้องถนน ก็เป็นประเด็นที่คณะพูดคุยฝ่าย BRN พยายามหยิบยกขึ้นมาเรียกร้อง
แต่เมื่อเกิดกรณีด่านตรวจทำงานได้ผล
จึงอาจเกิดกระแสย้อนกลับไปตั้งคำถามกับ BRN เองว่า
ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ยกเลิกด่านตรวจเพราะอะไร
BRN
เพจอวตาร? สำหรับเพจเฟซบุ๊ก
BRN
Barisan Revolusi Nasional เคยถูกฝ่ายความมั่นคงระบุว่าเป็น “เพจอวตารที่ไม่มีตัวตน”
จากเหตุการณ์ที่เกิดเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านหาของป่า เสียชีวิต 2 รายในพื้นที่
อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65 และต่อมาในวันที่ 5 ส.ค.65
ทางเพจดังกล่าว ก็ได้โพสต์ข้อความเตือนหน่วยกำลังภาคประชาชน “งดล่าสัตว์หรือลาดตระเวนในพื้นที่ชองชาวมุสลิม”
เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (ต้องการสื่อนัยทำนองว่า
ประชาชนที่ล่าสัตว์ในพื้นที่ของพี่น้องมุสลิม เป็นกองกำลังภาคประชาชนที่ทำงานให้รัฐ
ไม่ใช่ชาวบ้านจริงๆ)
รวมถึงอีกกรณีช่วงหลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิดและเผาร้านสะดวกซื้อหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
เมื่อ 16–17 ส.ค.65 เพจเดียวกันก็ออกมาโพสต์ภาพโลโก้ บิ๊กซี และ เซเว่นอีเลฟเว่น
พร้อมเขียนเนื้อหาแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจากกองกำลัง BRN ในการโจมตีสัญลักษณ์ของอำนาจทุนนิยมรัฐไทย
ที่เข้ามาทำลายระบบเศรษฐกิจชุมชน
ทำให้
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์
กล่าวถึงเพจเฟซบุ๊กที่อ้างเป็น BRN ดังกล่าว โดยยืนยันว่า “เป็นเพจอวตาร
ไม่สามารถระบุความมีตัวตนและความรับผิดชอบได้”
เช่นเดียวกับในครั้งที่เพจอ้างชื่อ
BRN
โพสต์ข้อความห้ามออกไปหาของป่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ก็เคยออกมาชี้แจงว่า “จากการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กที่อ้างตนว่า เป็นเพจของขบวนการ BRN
นั้นพบว่า
เป็นเพจที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะปกปิดสถานะที่ไม่สามารถพิสูจน์ทราบความมีตัวตนได้
(อวตาร) เช่นเดียวกับอีกหลายๆ เพจ
โดยที่ผ่านมา
เพจลักษณะนี้ได้เคลื่อนไหวบิดเบือนข้อเท็จจริงและเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
สร้างความหวาดระแวงและความตื่นตระหนกให้พี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่เคยมีองค์กรใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
จึงขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวจากเพจดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนควรใช้ดุลยพินิจและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านบนพื้นฐานจรรยาบรรณของสื่อ
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดีและซ้ำเติมสถานการณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น”
อนึ่ง
เพจเฟซบุ๊ก BRN
- Barisan Revolusi National มีผู้ติดตาม 265 คน และกดถูกใจ 120
ครั้ง
ย้อนดูโพสต์แรกของเพจดังกล่าว เป็นโพสต์อัพเดตรูปโปร์ไฟล์สัญลักษณ์บีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 13 เม.ย.66 ซึ่งคาดว่า เพจนี้น่าจะถูกทำขึ้นมาใหม่ หลังจากเพจเฟซบุ๊กเพจเดิมที่ใช้ชื่อ BRN Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani ซึ่งเคยโพสต์ข้อความและมีความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ จนถูกทาง กอ.รมน.ภาค 4 ระบุว่า เป็นเพจอวตารไม่มีตัวตน คอยแต่บิดเบือนข้อเท็จจริงโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคงนั้น ค้นหาไม่เจอ และน่าจะถูกปิดไปแล้ว จนทำให้ต้องมาเปิดเพจใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น