แนวร่วม
ผกร.ถูกวิสามัญเสียชีวิต"ซาฮีด"เพื่อศาสนาหรือไม่!!
การเสียชีวิตของ
นายรอบี แวสะมะแอ, นายอิสมาแอ จาเละ และนายต่วนอาเดล ต่วนฮาซิน ผกร.ระดับปฏิบัติการ
มีหมายจับ ป.วิอาญา ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ พิธีฝังศพไม่มีการอาบน้ำศพ มีการยกย่องสรรเสริญตายอย่างวีรบุรุษ
"ซาฮีด" ตายเพื่อศาสนา
กรณี
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการร่วมบังคับใช้กฎหมายเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณป่าสวนยางพาราในพื้นที่
หมู่ 4 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบเคลื่อนไหวและหลบซ่อนตัวเพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย
และในระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มและปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่
จนเกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย 1 ในนั้นคือ จ.ส.อ.ธนศักดิ์
บัวขาว อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีก 2 นาย ยังพักรักษาตัวที่
รพ.มอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.67 ตลอดระยะเวลาหลายวัน
เจ้าหน้าที่ยังปิดล้อมตรวจค้นกระชับพื้นที่ป่าโดยรอบ และยังปะทะกันเป็นระยะๆ
เจ้าหน้าที่เชิญผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ร่วมเจรจาเกลี้ย กล่อมให้คนร้ายมอบตัว
เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่ไม่เป็นผล
เหตุการณ์ดังกล่าวรัฐไม่ต้องการใช้ความรุนแรง
ที่ผ่านมารัฐเปิดโอกาสให้กับผู้ที่เห็นต่าง ผู้ที่หลบหนี มีคดีความติดตัว หมาย
ป.วิอาญา หมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง รายงานตัวแสดงตนเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
กรณี นายรอบี ฯ
เจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสด้านการข่าวในการเคลื่อนไหวนำไปสู่การปิดล้อมตรวจค้น
ซึ่งในขั้นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีวิธีการขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ซึ่งในขณะนั้น
ผกร. ทั้ง 3 คน สามารถที่จะขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนยุติธรรม แต่
ผกร. ทั้ง 3 คน เลือกที่จะใช้ความรุนแรง ทำการต่อสู้ นำไปสู่การปะทะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตในที่สุด
ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐและทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
การเสียชีวิตของ
ผกร. ทั้ง 3 คนนั้น ฝ่ายญาติได้นำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาและฝั่งศพที่กุโบร์ โดยไม่มีการอาบน้ำศพแต่อย่างใด
และมีผู้เข้าร่วมพิธีฝังศพประมาณ 180 คน
ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ และมีจากนอกพื้นที่บางส่วน
ความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์
แอดมินเพจ: Cerita
Patani ได้กล่าวถึงการไม่อาบน้ำศพผู้เสียชีวิต
กลายเป็นความสะพรึงกลัวที่ตามหลอกหลอนสยาม
เพราะกลัวการลุกฮือขึ้นประท้วงของประชาชนที่เห็นถึงความ "อยุติธรรม"
ที่สยามก่อให้มันเกิดขึ้น
ประเด็นดังกล่าว
ผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม ได้กล่าวถึงดารุลฮัรบี โดยแยกให้เห็นถึงความหมายของคำว่า ดารุล
หมายถึงแผ่นดิน ส่วนฮัรบี หมายถึง "เผด็จการทรราช"
เพราะฉะนั้นเมื่อเอาคำสองคำผสมรวมกันคำว่า "ดารุลฮัรบี" หมายถึง
"แผ่นดินแห่งทรราชที่จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานในการปฏิบัติภารกิจทางศาสนา"
จึงเป็นหน้าที่ของมุสลิมต้องญีฮาด (ต่อสู้) เพื่อเรียกร้องสิทธินั้นๆ กลับคืนมา
ส่วนจะดูว่าแผ่นดินใดเป็นฮัรบีหรือไม่นั้น
ให้ดูที่กฎหมายแม่บทหรือรัฐธรรมนูญ "ญีฮาด" ไม่ใช่สงคราม
และญีฮาดไม่ใช่ฟาซาด (การก่อการร้าย) "ญีฮาด" คือ
"การป้องกันรักษาสันติ รักษาสัจธรรมแห่งอิสลาม"
แต่กรณีที่กล่าวมาของการเสียชีวิตของ ผกร. ทั้ง 3 คน ไม่ใช่ญีฮาด
ดังนั้นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนประเด็นการ ไม่อาบน้ำศพนั้น
เป็นเรื่องของศาสนา ดังนั้นจะใช่หรือไม่ใช่ให้กลับไปดูในอัล-กุรอาน
และแบบฉบับของท่านรอซูล กล่าวไว้ว่าอย่างไร? ศาสนาอิสลามจะใช้ความรู้สึกเป็นตัวตั้งในการตัดสินไม่ได้
การต่อสู้ของแนวร่วม
ผกร. ที่ผ่านมาได้ถูกปลูกฝังความเชื่อผิดๆ
ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์และการบิดเบือนในหลักคำสอนของศาสนา
ถูกบ่มเพาะความรุนแรงให้ทำการต่อสู้ สุดท้ายนำไปสู่ความสูญเสียที่ใครไม่อยากให้เกิด
ครอบครัวเดือดร้อนได้รับผลกระทบ ไม่ได้รับการเยียวยา
การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ในความเป็นจริงรัฐ ฯ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคดีความ
มีหมายจับ สามารถรายงานตัวแสดงตนเข้าสู่มาตรา 21
พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ซึ่งอำนาจตามมาตรา 21
นั้นอัยการสูงสุดมีอำนาจที่จะสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้
ซึ่งอยู่ในอำนาจและดุลยพินิจของอัยการสูงสุด
ตลอดจนการถอนฎีกาคดีความมั่นคงได้ทั้งหมด ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก ผอ.รมน.ภาค
4 นำเข้าสู่กระบวนการอบรมตามโครงการพาคนกลับบ้าน
แถมยังได้ฝึกอาชีพติดตัวเพื่อไปประกอบอาชีพสุจริตต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น