แจง “โอไอซี”
มีขบวนการบิดเบือนอ้างศาสนาจุดไฟใต้
แม่ทัพ
4 แจงคณะทูตสมาชิกโอไอซี ผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาส นำความต่างศาสนาเป็นเงื่อนไข
บิดเบือน ปลุกเร้าให้เกิดการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรง ยก 3 เหตุการณ์ เจ้าหน้าที่มุสลิมถูกสังหาร
ไม่เว้นแม้ผู้หญิง ทั้งๆ ที่ความจริงคนสองศาสนาอยู่กันสงบสุข ด้าน
ศอ.บต.เปิดข้อมูลสัดส่วนมุสลิม 229 ราย – พุทธ 38 ราย นั่งบริหาร อปท. ชายแดนใต้
ย้ำรัฐไทยไม่เคยกีดกัน
พล.ท.ศานติ
ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อคณะทูตประเทศมุสลิมสมาชิกโอไอซี
ในโอกาสเยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) มีภารกิจหลักในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
โดยปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงในหลายมิติ
พื้นฐานเกิดจากความต้องการมีตัวตนและการดำรงอยู่ของอัตลักษณ์ภายใต้ความแตกต่างของสังคมและวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มผู้เห็นต่างบางกลุ่มได้ฉวยโอกาส ในการนำความแตกต่างเรื่องศาสนามาเป็นเงื่อนไข
และนำหลักศาสนามาบิดเบือนเพื่อปลุกเร้าการต่อสู้ด้วยวิธีที่รุนแรง ซึ่งแท้จริงแล้ว
ปัญหาของพื้นที่ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา ดังที่สำนักจุฬาราชมนตรีได้เคยวินิจฉัยไว้ว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ใช่
“ดินแดนดารุลฮัรบี” ไม่ใช่ดินแดนแห่งสงคราม ตามที่คนบางกลุ่มกล่าวอ้าง
เหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้
มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่นับถือศาสนาอิสลามถูกสังหารเสียชีวิต
- เหตุการณ์แรก
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.67 อส.ทพ.หญิง นูรีชัน พรหมศรี สังกัด กรม ทพ.49
ถูกลอบยิงเสียชีวิตที่ตลาดนัดดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ขณะอยู่ในห้วงลาพัก
กลับบ้านและไปช่วยครอบครัวขายอาหาร
- เหตุการณ์ที่
2 วันที่ 18 เม.ย.67 อส.ทพ.รุสลี ดาเส็ง สังกัด ร้อย ทพ.4716
ถูกลอบยิงเสียชีวิตภายในกุโบร์ บ้านจาเราะแป ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา
ขณะอ่านคัมภีร์ หรือดุอาอ์ให้กับบิดาที่เสียชีวิต
- เหตุการณ์ที่
3 วันที่ 25 เม.ย.67 มญ.มะดาโอ๊ะ วายีเกา อส.ชคต.บาเจาะ ถูกลอบยิงเสียชีวิต
ในพื้นที่บ้านบียอ หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา
ขณะเดินทางกลับจากการประกอบศาสนกิจ (ละหมาด)
ข้อเท็จจริง ที่เราต้องการสื่อสารไปยังนานาชาติ
คือ ดินแดนแห่งนี้ทุกคนมีสิทธิ มีเสรีภาพในการดำรงชีวิตประจำวัน ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย
ซึ่งรวมถึง การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
และเผยแผ่ศาสนาได้เป็นปกติไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ที่จะนำไปกล่าวอ้างได้ว่าเป็นความขัดแย้งทางศาสนาแม้แต่น้อย
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสากล
ปัจจุบัน เรามีแนวทางในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำพื้นที่
เพื่อให้มีส่วนร่วมในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งสนับสนุนการสร้างสภาวะแวดล้อมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ให้เอื้อต่องานด้านการพัฒนารองรับนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เปิดข้อมูลสัดส่วนมุสลิม
- พุทธ นั่งบริหาร อปท. ชายแดนใต้
ขณะที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) ได้รายงานให้คณะทูตประเทศมุสลิม ทราบถึงงานพัฒนาและการให้ความสำคัญต่อสัดส่วนของประชากรในพื้นที่
โดยเฉพาะสัดส่วนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีรวมทั้งหมด 267 คน
แยกเป็นที่นับถือศาสนาอิสลาม 229 คน คิดเป็นร้อยละ 85.77
ของผู้บริหารองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด และนับถือศาสนาพุทธ 38 คน คิดเป็นร้อยละ
14.23 ของผู้บริหารองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด
โดยแยกเป็นระดับ
องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) , เทศบาล และ
องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้ดังนี้
- ระดับ
อบจ. นับถือศาสนาอิสลามทั้งหมด รวม 3 คน (ไม่มีที่นับถือศาสนาพุทธ) แยกเป็น
จ.นราธิวาส 1 คน จ.ปัตตานี 1 คน จ.ยะลา 1 คน
- ระดับเทศบาล
นับถือศาสนาอิสลาม รวม 37 คน นับถือศาสนาพุทธรวม 12 คน แยกเป็น
- จ.นราธิวาส
ศาสนาอิสลาม 12 คน ศาสนาพุทธ 4 คน
- จ.ปัตตานี
ศาสนาอิสลาม 15 คน ศาสนาพุทธ 2 คน
- จ.ยะลา
ศาสนาอิสลาม 10 คน ศาสนาพุทธ 6 คน
- ระดับ
อบต. นับถือศาสนาอิสลามรวม 189 คน ศาสนาพุทธรวม 26 คน แยกเป็น
- จ.นราธิวาส
ศาสนาอิสลาม 61 คน ศาสนาพุทธ 11 คน
- จ.ปัตตานี
ศาสนาอิสลาม 88 คน ศาสนาพุทธ 8 คน
- จ.ยะลา
ศาสนาอิสลาม 40 คน ศาสนาพุทธ 7 คน
โดยสรุป
การปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
ซึ่งเป็นลักษณะของการกระจายอำนาจจากรัฐบาลส่วนกลาง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน ในแต่ละท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการเลือกผู้นําของตน
ให้เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ พร้อมทั้งแก้ปัญหาของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น