สถานการณ์ในพื้นที่
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มักถูกนักข่าวถามว่าไล่ล่าพวกโจรไปถึงไหนแล้ว เจ้าหน้าที่ทุก
ๆ คน อยากจะตอบกลับไปว่า เราทั้งหมด ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นเลย
เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่โจร เขาเป็นเพียงพี่น้อง ที่เห็นต่าง และบางคนก็เคยมีประสบการณ์ถูกกระทำจากรัฐมาก่อน แทนที่จะไล่ล่า ตนกลับจะต้องรีบรุดไปหาญาติพี่น้องของเขาเหล่านั้นแทน
เพื่อแสดงความเสียใจและเห็นอกเห็น
อันที่จริงการสู้รบทั้งสองฝ่าย
ต่างผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบกันมาโดยตลอด ความสูญเสียทุกครั้ง
ไม่ว่าของฝ่ายใดล้วนเป็นเรื่องที่น่าเศร้าโศกเสียใจทั้งสิ้น
เพราะทุกคนคือพี่น้องคนไทย ทุกคนเป็นเพื่อนมนุษย์
ไม่ควรที่เราจะมายินดีหรือยินร้ายกับใคร ไม่ควรสะใจหรือโกรธแค้นเหมือนคนเชียร์มวย แต่เราควรต้องช่วยกันภาวนาให้ทั้งสองฝ่ายหยุดสู้รบกัน
โดยส่งเสียงดังๆ ว่าขอสันติภาพกลับคืน
วันนี้ผมมีข้อเสนอรูปธรรมการถอยคนละก้าว
และให้ที่ยืนแก่กันและกัน เป็นเสียงเพรียก เพื่อสันติภาพจากภาคประชาสังคมครับ
1. สร้างเงื่อนไขการหยุดยิง สร้างบรรยากาศสันติภาพ (Peace Building)
การหยุดใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกัน
การเกิดความรู้สึกที่ปลอดภัย การสามารถใช้วิถีชีวิตที่เป็นปกติสุขได้
เหล่านี้คือรูปธรรมของสันติภาพ
ซึ่งไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพังหรือการใช้กำลังที่เหนือกว่าไปบังคับอีกฝ่าย
จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างบรรยากาศสันติภาพ ดังนี้
1)
รัฐบาล ต้องประกาศเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ในการสร้างสันติภาพ
พร้อมทั้งแสดงความจริงใจด้วยการนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในฯ มาใช้แทน
พ.ร.ก.การบริหารราชการในภาวะฉุกเฉินฯ แบบเต็มทั้งพื้นที่ โดยทันที นี่เป็นงานการเมืองและงานนโยบายเชิงรุกที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ขณะนี้
นักการเมืองไม่ควรไปแย่งฝ่ายปฏิบัติทำในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่บทบาทหน้าที่
ไม่ควรกลัวว่าใครจะมาแย่งซีน ไม่ฉวยโอกาสหาเสียงกันแบบมักง่าย
ความมั่นคงไม่ใช่เรื่องเล่น จะต้องทำให้เรื่องนี้พ้นจากความเป็นขั้วเป็นฝ่ายทางการเมืองเสียที
2)
ฝ่ายขบวนการ (BRN
Coordinate, RKK, Juwae) ต้องหยุดระเบิด
หยุดเข่นฆ่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ไร้ทางสู้ โดยทันทีเช่นกัน
เพราะการปฏิบัติการณ์เช่นนั้นรังแต่จะเสียการเมือง ทำลายความชอบธรรมในการต่อสู้ พื้นที่สำหรับยืนในระยะยาวจะยิ่งหดแคบ
ความกลัวของสาธารณชนในท้องถิ่นเมื่อถึงขีดสุด
จะเปลี่ยนเป็นความเกลียดและกล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์
3)
สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการเมืองของฝ่ายรัฐ
ต้องเดินหน้ากระบวนการพูดคุยและเจรจาสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างในระดับผู้ตัดสินใจอย่างหวังผลสัมฤทธิ์
ต้องใช้การข่าวและหลักวิชาชีพที่เป็นจุดแข็งของสถาบันและความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
ไม่ปล่อยให้พรรคการเมืองมาใช้เป็นเครื่องมือจนเสียการ
4)
กอ.รมน. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านปฏิบัติการด้านการทหาร
ต้องเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมายและรักษาความสงบปลอดภัยของบ้านเมือง
ต้องใช้มาตรการการเมืองนำการทหารอย่างเข้มข้น และเตรียมการรองรับการคืนสู่เหย้าเข้าร่วมพัฒนาชายแดนใต้ของพี่น้องผู้เห็นต่าง
5) ศอ.บต.ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการพัฒนา
ต้องเดินหน้าการเยียวยาเชิงสมานฉันท์ในเชิงรุกและสนับสนุนการฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่
สร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ
โดยทุกกิจกรรมทุกขั้นตอนต้องสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในเชิงคุณภาพอย่างจริงจัง
6)
ภาคประชาสังคม ในฐานะเป็นพลังที่เป็นกลาง ต้องทำหน้าที่กำกับ
สนับสนุนและตรวจสอบทุกฝ่าย รวมทั้งร่วมสร้างบรรยากาศสันติภาพอย่างจริงจัง
ในทุกรูปแบบ
2. เสริมสร้างบทบาทและพลังชุมชนในงานพัฒนา (People Empowerment)
การพัฒนาที่ถูกทิศทางและมีความสมดุล
สามารถป้องกันปัญหาความขัดแย้งได้ จึงนำมาซึ่งสันติภาพและสันติสุข
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การพัฒนาที่ยั่งยืนคือการพัฒนาที่ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง
ชุมชนเป็นแกนหลักและประชาชนมีบทบาทสำคัญ จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
พัฒนาระบบและกลไกสนับสนุนภาคประชาชนในงานพัฒนา ดังนี้
1)
รัฐบาล ควรจัดตั้งองค์การมหาชนเพื่อเป็นกลไกการทำงานเสริมให้กับ
ศอ.บต.ในการสนับสนุนการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนชายแดนใต้ ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณ และกำกับดูแลให้เป็นองค์กรเสริมสร้างพลังชุมชนท้องถิ่น
ที่ปลอดจากการเมืองและมีความเป็นมืออาชีพในด้านงานพัฒนาอย่างแท้จริง
2) ภาคประชาสังคม ควรก่อตั้งกลไกและพัฒนาระบบมูลนิธิกองทุนชุมชน (community foundation) เพื่อระดมการบริจาคสาธารณะ และจัดการทุนสนับสนุนแก่กลุ่มและองค์กรอาสาสมัครที่หลากหลายในพื้นที่ เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาชายแดนใต้เคียงคู่กับภาครัฐด้วยระบบการพึ่งตนเอง
3. ส่งเสริมการกระจายอำนาจเพื่อการจัดการตนเอง (Decentralization)
การพูดคุยเรื่องการกระจายอำนาจในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากเป็นการเปิดพื้นที่สันติให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีความเห็นต่างได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมั่นใจแล้ว
ยังช่วยให้ประชาชนในระดับฐานรากได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์รับข้อมูลและความรู้ใหม่ๆ ถึงแม้นว่าการหาข้อยุติในรูปแบบการเมืองการปกครอง
ที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับท้องถิ่นชายแดนใต้ยังคงต้องใช้ระยะเวลา
แต่การเคลื่อนไหวอย่างสันติวิธีเช่นนี้ก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง
จึงขอให้ทุกฝ่ายสนับสนุน ดังนี้
1)
สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่
ควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีเวทีวิชาการเพื่อพัฒนารูปแบบทางเลือกการกระจายอำนาจที่หลากหลาย
ให้ประชาชนมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องต่อไป
2)
สภาประชาสังคมชายแดนใต้
ควรจัดทำสรุปประเด็นสำคัญความต้องการของภาคประชาชน ด้านการกระจายอำนาจที่ได้จากการจัด
200 เวที เสนอต่อสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสนับสนุนกิจกรรมการเสนอกฎหมายกระจายอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่นชายแดนใต้ สามารถจัดการตนเองได้มากขึ้น
ทั้งนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนและกติกาของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น