วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

บิ๊กเมา ปลุกประณามเหตุยิง แวอาลีคอปเตอร์ ฉะพวกเดียวกันทำทีเผลอ

ฟันธงตรงกันทั้งอดีตแม่ทัพ และ ผบ.ร้อย ที่รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ... กรณียิงนายแวอาลีคอปเตอร์ วาจิ วัย 67 ปี อดีตแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ “กลับใจ” เข้าโครงการ “พาคนกลับบ้าน” รุ่นแรก เสียชีวิตคาสวนยางของตนเองที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เป็นน้ำมือกลุ่มก่อความไม่สงบอย่างแน่นอน!

พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หรือ “บิ๊กเมา” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เจ้าของโครงการพาคนกลับบ้าน และเป็นผู้ที่ “สัมผัสมือ” กับนายแวอาลีคอปเตอร์ ในวันที่ 11 ก.ย.2555 ที่เปิดตัวโครงการพาคนกลับบ้านล็อตแรก นับ 100 คน บอกเลยว่า เหตุการณ์แบบนี้ต้องช่วยกันประณาม เพราะนักรบด้วยกัน เขาไม่แอบลอบยิงกันแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการอาศัยจังหวะเผลอ แต่มั่นใจว่าไม่มีใครหวาดกลัว และกดดันโครงการเชิงสันติภาพไม่แน่แน่นอน

สิ่งที่ฝ่ายโน้นยิงคนที่ไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของเขา ทั้งที่ประเทศไทยไม่มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดการต่อสู้แล้ว เมื่อคนออกมาแล้วถูกลอบยิง ผมว่าเป็นเรื่องที่ควรประณาม เพราะว่าคนเคยยิงมาด้วยกัน แล้วมาแอบลอบยิง ฆ่ากัน ผมว่าเป็นสิ่งที่แย่มาก ผมว่าพวกนักรบที่ออกมาไม่มีใครกลัวเพราะว่าความเป็นทหารอะไรต่างๆ เขาทำทีเผลอ เมื่อคนที่ออกมาแล้ว…ไม่มีใครกลัว”

พล.อ.อุดมชัย ยอมรับว่า รู้จักกับนายแวอาลีคอปเตอร์ แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้คุยกัน “ติดต่อกันครั้งล่าสุดก็เป็นปีแล้ว” บิ๊กเมาบอก

อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ปลุกปั้นโครงการ “พาคนกลับบ้าน” ยืนยันว่า คนที่กลับใจออกมาร่วมมือกับภาครัฐ จะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี แต่สาเหตุที่ถูกยิง น่าจะเป็นการกระทำของคนระดับเดียวกันเอง เพราะรุ่นเด็กน่าจะไม่กล้าทำ

“คนที่ออกมา เรามีมาตรการดูแลหลายๆ อย่าง ช่วยเหลือครอบครัว เยียวยา ถ้าเสียชีวิตด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะมีวิธีการช่วยเหลืออยู่ ในส่วนของการคุ้มครองคนที่ออกมา เราพยายามเต็มที่ในการดูแล บางครั้งก็จะพาไปอยู่นอกพื้นที่ มีหลายวิธีการในการคุ้มครอง แต่เขาก็เป็นระดับผู้ใหญ่มาก คิดว่าเด็กๆไม่กล้าทำ”

มั่นใจไม่กระทบ “พาคนกลับบ้าน” พล.อ.อุดมชัย มั่นใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับโครงการพาคนกลับบ้าน ทั้งคนที่ออกมาใช้ชีวิตปกติสุขแล้ว และการเดินหน้ากระบวนการสันติภาพต่อไป

คนที่ออกมาร่วมโครงการ ผมว่าเขาคิดถูกแล้ว เพราะบ้านเมืองเรามันไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้ต้องต่อสู้หรือมาสู้รบกันเอง คนในบ้านเมืองเรากำลังร่วมพัฒนาสามจังหวัดให้เจริญ คนที่จะออกมาอาจจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตัดสินใจ แต่ผมมองว่าถ้าตัดสินใจออกมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้ายังเดินไปมีแต่จะสู้รบกันเอง สุดท้ายไม่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว

ขอให้กำลังใจกับคนที่คิดจะกลับมา เพราะว่าขณะนี้กระบวนการพูดคุยก็ดี กระบวนการจัดการต่างๆ ก็ดี โดยเฉพาะประเด็นความไม่เป็นธรรม ทั้งหมดได้รับการแก้ไข มีการดูแลพี่น้องที่จะกลับมา และมีวิธีการจัดการที่ทำให้อยู่ได้ ก็ขอเชิญชวนให้กลับมา

       ผบ.ร้อย เพิ่งคุยกับนายแวอาลีคอปเตอร์ ก่อนสิ้นชื่อ ด้าน ร.อ.ธนศักดิ์ ภูวงศ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4603 (ผบ.ร้อย.ทพ.4603) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อำเภอที่ นายแวอาลีคอปเตอร์ ถูกลอบยิง เขายอมรับว่า พูดไม่ออก บอกไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งได้คุยกับนายแวอาลีคอปเตอร์ ก่อนเกิดเรื่องเพียง 2 วัน

ชีวิตของนายแวอาลีคอปเตอร์ หลังจากออกมาแล้ว เขากลับมาใช้ชีวิตที่ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นบ้านภรรยา (บ้านตัวเองอยู่ อ.เจาะไอร้อง) ใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดา กรีดยาง ทำสวน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับขบวนการแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ตอบถูกเหมือนกัน

เราเพิ่งได้คุยกันเมื่อวันสองวันนี้เอง เจอกันก็คุยเรื่องทำสวน เรื่องทำมาหากิน เรื่องอาชีพ คุยเรื่องปลูกทุกเรียนเพื่อธุรกิจ ไม่มีเหตุจูงใจมาจากเรื่องพวกนี้เลย และที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่อง ความไม่ปลอดภัยหรือกลัวอะไรเลย ส่วนใหญ่จะคุยกันแต่เรื่องทำมาหากิน การใช้ชีวิต และชีวิตเขาก็ทำสวน เข้าสวนทุกวัน เวลาเข้าสวนก็ไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย เพราะตัวเขาเองก็คิดว่าไม่น่ามีอะไร ไม่จำเป็นต้องพกอาวุธ และเขาเองก็ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับใคร ทุกๆ วันเข้าแต่สวน ไม่ค่อยได้วุ่นวายอะไรกับใคร

       ขบวนการไม่พอใจ ชาวบ้านเมินร่วมมือ ผบ.ร้อยทหารพราน มองต่างจากอดีตแม่ทัพ โดยเขาบอกว่าหลังเกิดเหตุกับนายแวอาลีคอปเตอร์ ทำให้แนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบที่กำลังตัดสินใจออกมาให้ความร่วมมือกับรัฐ และใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ต้องหยุดคิดทบทวน

ก็มีบางที่หยุดคิด คือความรู้สึกของคนมันต้องมีอยู่แล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุน้ำท่วม เราก็เต็มที่กับชาวบ้าน ช่วยกันทุกอย่างเต็มที่ ชาวบ้านก็เห็นว่าเราช่วยจริง มันก็อาจจะมีบ้างที่คนเขาคิดจะกลับมาร่วมโครงการกับรัฐ ทำให้ฝ่ายโน้นมองแล้วไม่ค่อยชอบ ก็เลยหาจุดอ่อน

สำหรับแนวทางแก้ไข ผบ.ร้อยทหารพราน ซึ่งเกาะติดพื้นที่มานาน มองว่า ฝ่ายรัฐต้องดำรงความมุ่งมั่นเพื่อสร้างความเชื่อใจ

คิดว่าไม่ต้องทำอะไร แค่เราทำในสิ่งที่ทำอยู่ให้เต็มที่ ทุกวันนี้เราก็ยังช่วยชาวบ้าน ร่วมไม้ร่วมมือกันเต็มที่กับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็เห็นว่าเราทำจริง ทำด้วยใจ บางบ้านเราสร้างใหม่ให้เลย บางบ้านที่เสียหายก็ซ่อม ทุกวันนี้ก็ยังทำไม่หยุดเลย ทำทุกวัน (หมายถึงการดูแลบ้านเรือนประชาชนหลังเจออุทกภัย)

จากตรงนี้ก็มีบางคนที่เขาเคยมีมุมมองที่ไม่ค่อยดีกับทหาร เขาก็รู้สึกโอเคกับทหารมากขึ้น อย่างช่วงที่น้ำมาคืนแรกๆ เราเข้าไปตั้งแต่เทียงคืน พอน้ำมา เราก็เข้าไปเอาชาวบ้านออกมา ช่วยชาวบ้านมาตลอดทั้งคืนจนเช้า จนเขาปลอดภัย เขาก็เห็นว่าเราทำแบบจริงจังเลย ไม่ได้ทำเพื่ออย่างอื่น เขาก็เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น

อีกอย่างฝ่ายโน้นอาจจะมองว่า ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือกับฝั่งเขา สมมุติว่าเขาจะมาก่อเหตุช่วงนี้ ชาวบ้านอาจจะไม่ให้ทำ เขาก็เลยมองหาจุดอ่อนจุดอื่น คิดว่าเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุยิงนายแวอาลีคอปเตอร์ น่าจะมาจากจุดนี้มากกว่า จุดเดียวที่น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เขามาก่อเหตุ

6 ปีที่อยู่พื้นที่นี้ ก็พูดได้ว่าสนิทกับนายแวอาลีคอปเตอร์พอสมควร เจอกันเราจะคุยเรื่องเงินล้าน ขายทุเรียน มันก็เลยถูกคอ แล้วช่องว่างตรงนี้ทำให้ฝั่งโน้นมองเป็นจุดอ่อนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น