เมื่อวันจันทร์
ที่ 22 ม.ค.67 ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน
ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี
ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)
ลงพื้นที่ประชุมติดตามและตรวจราชการการขับเคลื่อนงานในประเด็นการพัฒนาด่านการค้าชายแดน
และนโยบาย Twin Cities ตามมติ กพต. ในพื้นที่ จ.สตูล
โดยมี
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
และ นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล
ตลอดจนผู้แทนส่วนราชการที่้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายสมศักดิ์ฯ
กล่าวว่า
การประชุมครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ตามมติ ครม. ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขการท่องเที่ยวของทั้ง 2
ประเทศ มีจำนวนนักท่องเที่ยว 4-5 แสนคน
และจำนวนการขนส่งสินค้าที่มีไม่มาก เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ป่า
ภูเขาสูง และถนนหนทางยังไม่ค่อยสะดวก
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนจะต้องหาแนวทางแก้ไข
เชื่อมั่นว่าการพัฒนาและยกระดับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้รับการดูแลจากรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา
ทวีสิน เป็นอย่างดี
“โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาด่านการค้าชายแดนที่ถือเป็นเรื่องหลัก
ซึ่งด่านวังประจันถือเป็นพื้นที่สงบ มีการท่องเที่ยว มีการนำเข้าและส่งออกสินค้า
หากอนาคตมีการพัฒนาและยกระดับให้มีการเข้าออกที่สะดว
กจะเป็นอีกหนึ่งด่านหลักที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น”
รองนายกฯ กล่าว
นาสยสมศักดิ์ฯ
บอกด้วยว่า ได้สั่งการให้ ศอ.บต. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานในพื้นที่
เร่งรัดผลักดันการยกระดับการพัฒนาเมืองคู่แฝด (Twin Cities) ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
และมติ กพต. อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และรายงาน กพต. ทราบเป็นระยะ
พร้อมจัดทำข้อมูลกรอบแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่ด่านศุลกากร
และให้นำเสนอต่อที่ประชุม กพต.ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567
ในวันที่ 7 ก.พ.67 นี้
พร้อมกับการนำเสนอแนวทางการผลักดันนกปรอดหัวโขน (นกกรงหัวจุก)
ให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
เล็งจัดอีเวนท์ใหญ่
“นกกรงหัวจุก” ปลุกเศรษฐกิจชายแดน วันเดียวกันนี้ นายพุฒิธร วรรณกิจ
นายกสมาคมอนุรักษ์เพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย
พร้อมด้วยชมรมและผู้เพาะพันธุ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เดินทางเข้าขอบคุณนายสมศักดิ์ ที่ให้การสนับสนุนการจัดตั้งชมรมและผู้เพาะพันธุ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น
ตามนโยบายที่ต้องการจะส่งเสริมให้มีการแข่งขันกีฬานกเพื่อสร้างมูลค่า
นายสมศักดิ์ฯ
กล่าวว่า ยินดีที่ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้นกกรงหัวจุกเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์”
ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เนื่องจากนกกรงหัวจุกเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านของคนทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นไทย
มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม การผลักดันให้นกกรงหัวจุกเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์”
ของไทย จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักวัฒนธรรมของไทยมากยิ่งขึ้น
และเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย
ด้าน
นายพุฒิธรฯ กล่าวว่า ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับนกกรงหัวจุก
และมอบหมายให้ ศอ.บต.
ศึกษาและจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนานกกรงหัวจุกให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์
“หากมีการปลดล็อกนกกรงหัวจุกให้พ้นจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง
เฉพาะนกกรงหัวจุกที่มีการเพาะพันธุ์และเพาะเลี้ยง
จำเป็นต้องเดินหน้าจัดอีเวนท์ใหญ่ เพื่อเชิญคนเล่นนกในต่างประเทศเข้าร่วม
กระจายรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน”
นายกสมาคมอนุรักษ์เพาะพันธ์นกกรงหัวจุกฯ กล่าว
บพท.ร่วม
3 มหาวิทยาลัย วางแนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติ ที่ห้องประชุม ดร.จงรัก
พลาศัย ชั้น 3 สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาส
มีการประชุมแนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี ดร.กิตติ
สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.),
นายนัจมุดดีน อูมา ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน,
ดร.ซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4
พรรคภูมิใจไทย ร่วมพูดคุยหาแนวทางร่วมกับคณาจารย์จาก 3
มหาวิทยาลัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยมี
ผศ.ดร.จงรัก พลาศัย นายกสภามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, ผศ.ดร.เการี ลัดเลีย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, รศ.ดร.วสันต์
พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล
สำหรับการประชุมแนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้
ถือเป็นการสร้างกลไกภาคีเครือข่ายการบริหารจัดการภัยพิบัติของสถาบันอุดมศึกษาชายแดนใต้
พร้อมทั้งประเมินผลกระทบจากอุทกภัยต่อการบริหารจัดการเส้นทางน้ำในอนาคต
ในเบื้องต้น
บพท.ได้สนับสนุนงบประมาณ 1 ล้านบาทในการดำเนินการทางการบริหารจัดการภัยพิบัติฯ
โดยข้อมูลที่ได้จากการประชุมร่วมกัน
จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเตรียมดำเนินการป้องกันภัยพิบัติในระยะยาวต่อไป
นายนัจมุดดีนฯ
กล่าวว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นล่าสุดถือเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของพื้นที่นราธิวาส
ผลกระทบเกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงธรรมชาติที่เสียหายเป็นวงกว้าง
โดยเฉพาะน้ำตกซีโปที่เสียหายอย่างหนัก ทิศทางน้ำเปลี่ยนไป
ป่าไม้ตามแนวเชิงเขาเสียหายทั้งหมด จึงต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและวางแผนรับมือภัยพิบัติใหม่ทั้งหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น