คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
เตรียมเสนอ ครม.ต่ออายุ “พ.ร.ก.ชายแดนใต้” ไปอีก 3 เดือน ยาวไปถึง 19 เม.ย.67
ชงยกเลิกเพิ่ม 2 อำเภอ “ปะนาเระ–รามัน” รวมงดใช้กฎหมายพิเศษยาแรง 15 อำเภอ
เหลืออีก 18 อำเภอลุ้นต่อไป
นายสมศักดิ์
เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
(กบฉ.) ครั้งที่ 1/2567 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พร้อมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ
ทั้งนี้
ที่ประชุม กบฉ.มีมติการปรับลดพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และ อ.รามัน จ.ยะลา
ออกจากพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ
“พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” เนื่องจากสถานการณ์ดีขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางการบูรณาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทำให้ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
ทั้งหมด 18 อำเภอ จาก 33 อำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเลิกไปแล้ว 15 อำเภอ
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้มีมติการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 และสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายน
2567 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน ระงับ
ยับยั้งสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 16 มกราคม นี้
เพื่อให้พิจารณาอนุมัติต่อไป
สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีเขตปกครองระดับอำเภอทั้งสิ้น
33 อำเภอ ปัจจุบันยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปแล้ว 15 อำเภอ (ตามที่
สมช.เสนอ รอผ่าน ครม.อังคารหน้า 2 อำเภอล่าสุด) และยังมีอำเภอที่บังคับใช้
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่อีก 18 อำเภอ แยกตามรายจังหวัดดังนี้
- จ.ปัตตานี
มีทั้งหมด 12 อำเภอ ยกเลิกบังคับใช้ไปแล้ว 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ยะหริ่ง อ.มายอ
อ.ไม้แก่น อ.กะพ้อ อ.แม่ลาน อ.ทุ่งยางแดง และ อ.ปะนาเระ (เพิ่งเสนอ)
ส่วนอำเภอที่ยังบังคับใช้อยู่ 5 อำเภอ คือ อ.เมืองปัตตานี อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก
อ.สายบุรี และ อ.ยะรัง
- จ.นราธิวาส
มีทั้งหมด 13 อำเภอ ยกเลิกบังคับใช้ไปแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง
อ.สุคิริน และ อ.ยี่งอ ส่วนอำเภอที่ยังบังคับใช้อยู่ 9 อำเภอ คือ อ.เมืองนราธิวาส
อ.ตากใบ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.สุไหงปาดี อ.จะแนะ และ
อ.เจาะไอร้อง
- จ.ยะลา
มีทั้งหมด 8 อำเภอ ยกเลิกบังคับใช้ไปแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เบตง อ.กาบัง
อ.กรงปินัง และ อ.รามัน (เพิ่งเสนอ) ส่วนอำเภอที่ยังบังคับใช้อยู่ 4 อำเภอ คือ
อ.เมืองยะลา อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.ยะหา
ตันสรี
ซุลกิฟลี หารือรองนายกฯสมศักดิ์ วางกรอบพูดคุยสันติสุข เมื่อวันพุธที่ 10 ม.ค.67
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ พล.อ.ตันสรี
ดาโต๊ะ สรี ซุลกิฟลี ไซนัล อะบีดิน
ผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ระหว่างเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
แต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ชุดใหม่ ซึ่งมี นายฉัตรชัย บางชวด
รองเลขาธิการ สมช.เป็นหัวหน้าคณะ
นายสมศักดิ์ฯ
กล่าวว่า การหารือกับ พล.อ.ตันสรี ซุลกิฟลี
เป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างภาคส่วนราชการของไทยและมาเลเซียเพื่อให้การทำงานลงตัว
เหมือนการสร้างระเบียบเพื่อให้การทำงานราบรื่น จะใช้เวลาไม่นาน
รวมถึงกำหนดกฎเกณฑ์ในการพูดคุยว่า จะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร
“ส่วนการพูดคุยสันติสุขครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น
ยังไม่ทราบ
เพราะวันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานให้เกิดความรวดเร็ว
เพื่อให้ไทยกับมาเลเซียจับมือกันพัฒนาเศรษฐกิจแข่งกับประเทศอื่นๆได้
จะมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น”
รองนายกฯ
กล่าวอีกว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในบางอำเภอ แล้วใช้กฎหมายความมั่นคงแทน
ก็จะทำให้การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ง่ายขึ้น เราพยายามยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ในบางอำเภอออกไป ขอยืนยันว่า
ทั้งสองประเทศต้องทำหลักการให้ชัดเจนและดำเนินไปตามแนวทางที่วางร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายสันติสุขยั่งยืนและฟื้นเศรษฐกิจ
นายฉัตรชัยฯ
คาดได้ข้อตกลงสันติสุขสิ้นปีนี้ ขณะที่ นายฉัตรชัย บางชวด
รักษาการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า
การหารือกันในวันนี้เพื่อนำคณะพูดคุยของฝ่ายรัฐทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกัน
และกำหนดแนวทางการทำงาน ตลอดจนขั้นตอนที่จะไปพูดคุยที่มาเลเซีย
โดยยืนยันว่าจะมีการสานต่อการพูดคุยสันติสุขในแนวทางเดิม
โดยใช้แผนสันติสุขแบบองค์รวม (ร่างแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม
หรือ JCPP)
ที่ทำไว้กับคณะพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่มีแกนนำบีอาร์เอ็นเป็นหัวหน้าคณะ
คาดการณ์ว่าจะมีการพิจาณาร่างข้อเสนอการสร้างสันติสุขแบบองค์รวม
ในเดือน มิ.ย.2567 โดยตัวแทนผู้อำนวยความสะดวกของไทย จะไปพูดคุยกับฝั่งมาเลเซีย
อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการพูดคุยเจรจากันภายในเดือน ก.พ.2567
ทั้งนี้ไทยมีเป้าหมายรับรองแผนฉบับดังกล่าวในเดือน
เม.ย.2567 จะทำให้การขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้มากขึ้น โดยมีเรื่องการลดความรุนแรง
ลดการเผชิญหน้า การเปิดเวทีสาธารณะ รวมไปถึงการแสวงหาทางออกทางการเมือง
หวังว่าร่างฉบับนี้จะนำไปสู่ความสงบสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ในขั้นต้นคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงสันติสุขภายในเดือน ธ.ค.2567 หรือช่วงต้นปีหน้า
ยืนยันจะดำเนินการตามแผน
JCPP
ที่ทำกับบีอาร์เอ็นเอาไว้เดิม
เพราะบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และคนในพื้นที่ก็มีส่วนสำคัญ
จึงจำเป็นต้องเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังปัญหา
ซึ่งสุดท้ายต้องเป็นเรื่องของคนไทยด้วยกันเองที่ต้องหาข้อสรุปร่วมกัน
เพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ แต่เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจก็เป็นส่วนสำคัญ
จึงจำเป็นต้องให้ทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก
ซึ่งที่ผ่านมาหลายปีก็ได้สร้างความไว้วางใจให้ผู้เห็นต่างเชื่อมั่นว่า
รัฐมีความจริงจังที่จะแก้ไขปัญหา
ปัดแทรกแซงดำเนินคดีนักกิจกรรม
ย้ำไม่ได้ห้ามแต่งชุดมลายู ต่อข้อถามถึงกรณีที่กองทัพภาพที่ 4
แจ้งความดำเนินคดีนักกิจกรรมชายแดนใต้ ที่จัดงานรวมพลแต่งชุดมลายู
(กอ.รมน.ชี้แจงว่าไม่ได้ดำเนินคดีเรื่องแต่งชุดมลายู
แต่ดำเนินคดีการปราศรัยและใช้ธงสัญลักษณ์เชิงยุยงปลุกปั่น)
สวนทางกับกระบวนการพูดคุยฯ จะมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลอย่างไรนั้น นายฉัตรชัย
กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาอาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะรัฐบาลไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ
ทั้งสิ้นเกี่ยวกับการแสดงออกเชิงอัตลักษณ์ นโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล
เรื่องอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ทุกส่วนสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องการกระทำความผิดบางส่วนก็เป็นเรื่องของกองทัพภาค 4
ที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
“แต่ทั้งหมดต้องมีการพูดคุยกันภายในหาจุดลงตัวที่เหมาะสม
มองว่าอาจมีบางส่วนเห็นต่างและสุ่มเสี่ยง ผมมองว่า ปล่อยให้กระบวนการดำเนินการไป
ส่วนเรื่องการพูดคุยกันภาพใหญ่ก็จะดำเนินการต่อไป
เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่ต้องการให้ดำเนินการต่อ ซึ่งต้องดำเนินการคู่ขนานกันต่อไป”
หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ฝ่ายรัฐบาลไทย ระบุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น