กริช
เป็นอาวุธประจำกายที่สำคัญของชายขาวมลายู ถือเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นชายชาตรี
บอกยศถาบรรดาศักดิ์ของผู้ครอบครองและวงศ์ตระกูล
เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมในภาคใต้ของประเทศไทย
ในจังหวัดยะลา
มียอดฝีมือช่างทำกริช อยู่ที่อำเภอรามัน ครูตีพะลี อะตะบู
ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ครูภูมิปัญญา ผู้อนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะการทำ‘กริชรามัน’
กริชสกุลช่างปาตานีที่สืบต่อกันมายาวนานกว่า 200 ปี
ครูตีพะลีจัดตั้ง
‘ศูนย์ศึกษาหัตถกรรมตะโละหะลอ’ เพื่อถ่ายทอดวิชาทำกริช ฝึกฝนอาชีพ
และสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของกริช
อีกทั้งให้เห็นความสำคัญของการสืบทอดภูมิปัญญาให้คงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
ปัจจุบันมีเยาวชนรุ่นใหม่ สนใจเข้ามาเรียนองค์ความรู้ในการทำกริชรามันจากครูตีพะลีอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งที่ศูนย์ฯแห่งนี้ เปิดรับผู้สนใจมาศึกษาอย่างเต็มที่ ไม่จำกัดเพศ อายุ
หรือศาสนา ขอเพียงปฏิบัติตามจรรยาบรรณช่างทำกริช 25 ข้อให้ได้
โดยคุณธรรมสำคัญอันดับต้นๆ คือ ต้องสำรวมกายใจให้บริสุทธิ์ ไม่มีเจตนานำกริชไปต่อสู้หรือฆ่าฟัน
ต้องไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ของมึนเมาทุกชนิด เป็นต้น
ที่ศูนย์แห่งนี้
เปิดสอนวิชาทำกริชครบทุกศาสตร์ช่างศิลป์ทั้งงานไม้และงานโลหะ
สอนทุกขั้นตอนการทำกริชทั้งเล่ม ไม่ว่าจะเป็น หัวกริช ใบกริช และฝักกริช
โดยส่วนสำคัญที่สื่อความหมายแสดงสัญลักษณ์และบรรดาศักดิ์ คือ หัวกริช หรือ
ด้ามกริช
ในสมัยก่อน
เจ้าเมืองทุกเมือง จะต้องมีกริช ในความเชื่อของฮินดูพราหณ์ กริช
เป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมสถาปนาเจ้าเมือง
ลักษณะหัวกริชของเจ้าเมืองจะเป็นรูปสมมุติเทพ
และมีรายละเอียดวิจิตรบรรจงกว่าชนชั้นรองลงมา บุคคลทั่วไปก็สามารถครอบครองกริชได้เช่นกัน
เพียงแต่รูปทรงและหัวกริชก็จะแตกต่าง ลดหลั่นรายละเอียดลงไป ทั้งนี้ คนหนึ่งคน สามารถพกกริชได้มากกว่า 1
เล่ม ปัจจุบัน
ก็ยังมีคนนิยมสะสมกริชอยู่ทั่วไป
อีกทั้งยังมีการมอบรางวัลเนื่องในการประกอบคุณงามความดีและประดับชั้นยศ ด้วยการมอบกริชด้วยเช่นกัน
นับว่าวัฒนธรรมการทำกริชและให้คุณค่ากริช
ยังคงสืบสานและอยู่ในความสนใจของผู้คนจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น