การปกป้องชาติไทยในอดีตถึงปัจจุบันนั้น
มีทั้งคนไทยพุทธ มุสลิม จีน คริสต์
ฮินดู-พราหมณ์ มลายู และชนกลุ่มน้อยต่างๆ
ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษาชาติไทยให้รอดพ้นจากอารยะศัตรูกันทั้งสิ้น
ดังนั้นพอที่จะสรุปได้ว่า“คนไทย คือ คนที่หลากหลาย” และท่ามกลางความหลากหลายนั้น
ได้ร่วมกันปกป้องรักษาในความเป็นเอกราชของชาติไทยได้จนถึงปัจจุบัน
ด้วยความเสียสละของบรรพบุรุษในอดีตสร้างความเป็นปึกแผ่นในความเป็นชาติไทยให้ดำรงคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
บทเรียนแห่งประวัติศาสตร์ที่เป็น“รอยแผล”
มิอาจที่จะเรียกคืนได้ วันนี้เราต้องอยู่กับปัจจุบันเพื่ออนาคตข้างหน้าที่สดใสและมีความสุข
พร้อมที่จะผูกมิตรไมตรีกับเพื่อนร่วมชาติและร่วมโลก
อย่าลืมว่า“อคติ”ไม่ใช่ทางออกของ“สันติ”
แต่“สันติ”จะเกิดขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับ“สติ”
ใช้สติคิดใคร่ครวญให้รอบคอบอย่างมีเหตุและผล และควบคุมอารมณ์อย่าให้อยู่เหนือสติ
พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งและกัน นั้นถือเป็นคุณธรรมที่ประเสริฐยิ่ง
ส่วนอุดมการณ์ที่สันติอย่างยั่งยืนนั้น คือ
การปลูกฝัง“อุดมการณ์แห่งความรักและความเมตตาต่อมวลมนุษยชาติและสากลจักรวาล”
แท้จริงความหลากหลายของชาติพันธุ์เป็นเจตนารมณ์ของพระเจ้าที่ได้สร้างขึ้นมา
เพื่อประสงค์ให้มนุษย์ได้ทำความรู้จัก และสานไมตรีที่ดีต่อกัน
และผู้ที่ประเสริฐสุด คือ ผู้ที่ที่ยำเกรงต่อพระองค์สูงสุด
ดังนั้นการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเคารพ และให้เกียรติในสิทธิและศักดิ์ศรีแห่งความแตกต่างในทุกกริยาบทระหว่างกัน
นี้คือคำตอบของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางสังคมพหุวัฒนธรรมที่จะก่อสร้างความปรองดอง
และความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมชายแดนภาคใต้สืบไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น