วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2565

จับสองสามีภรรยา เครือข่ายค้ามนุษย์ปี 58 ฝังชาวโรฮิงญา 30 ศพ เปลี่ยนชื่อ-สกุล สัญชาติ กบดานเงียบ

 

💥💥จับสองสามีภรรยา เครือข่ายค้ามนุษย์ปี 58 ฝังชาวโรฮิงญา 30 ศพ เปลี่ยนชื่อ-สกุล สัญชาติ กบดานเงียบ

เมื่อ 2 ก.ย. 65 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วยผู้แทนจากมูลนิธิ และ มูลนิธิ O.U.R. แถลงผลการจับกุมนายหม่อง ถ่าน ทุน และนางราฮานา เจ๊ะสะมะแอ สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา หลังเปลี่ยนสัญชาติหลบหนีไปกบดานประเทศเพื่อนบ้าน โดยสามารถจับกุมทั้งคู่ได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนพระรามเก้า แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา

คดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 ตำรวจและทหารพบศพผู้เสียชีวิตและศพที่ถูกฝังไว้รวมกันกว่า 30 ศพ บริเวณแคมป์คนงานกลางป่าบนเขาแก้ว ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จากการสืบสวนทราบว่า ทั้งหมดเป็นศพของชาวโรฮิงญาที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบซ่อนบริเวณค่ายกักกันดังกล่าว เพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่สาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงออกคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามและจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทหาร ตำรวจ และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก

สำหรับนายหม่อง ถ่าน ทุน สัญชาติเมียนมา หรือ นายซุลกิฟลี บิน อับดุลลาห์ (Mr.Zulkifli Bin Abdullah) สัญชาติมาเลเซีย ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 308/2558 ลง 22 มิ.ย.58 ความผิดฐาน สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ และหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 477/2558 ลง 27 ส.ค.58 ความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนนางราฮานา เจ๊ะสะมะแอ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/12 ซ.สุมาลี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือ นางโรฮานา บินติ มาต ซาอิด (Mrs.Rohano Binti Mat said) ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 307/2558 ลง 22 มิ.ย.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่  และ หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 476/2558 ลง 27 ส.ค.58 โดยกล่าวหาว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน

ผู้ต้องหา 2 สามีภรรยา ได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุล และใช้สัญชาติมาเลเซีย พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักภายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร่วมกับบุตรชายและบุตรสาว โดยประกอบอาชีพค้าขาย ทำธุรกิจออนไลน์ และทำธุรกิจทัวร์นำเที่ยวอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยถือว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้กระทำผิดระดับหัวหน้าขบวนการในการควบคุมสั่งการ ในการนำชาวโรฮิงญา จากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ผ่านมายังประเทศไทย และส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยเปิดบริษัทรถทัวร์โดยสารบังหน้า แล้วแอบขนชาวโรฮิงญา จำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องจนมีฐานะร่ำรวย ภายหลังทราบว่าถูกออกหมายจับ จึงเดินทางหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย และมาถูกจับกุมหลังเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 153 ราย จับกุมแล้ว 124 ราย เสียชีวิต 3 ราย หลบหนี 26 ราย แบ่งเป็นหมายจับมีคุณภาพ 17 ราย และไม่มีคุณภาพ 9 ราย ผู้ต้องหาที่เหลืออยู่เป็นระดับลูกน้องจำนวน 15 หมายจับ อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวซึ่งหลบหนีไปมาระหว่างไทยและตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

“คดีค้ามนุษย์คดีนี้ถือเป็นคดีที่มีความสำคัญ มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็นจำนวนมากกว่า 150 ราย เครือข่ายผู้กระทำผิดในคดีนี้มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง บุคคลในแวดวงข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ซึ่งใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์และแรงงานเถื่อน โดยการดำเนินคดีในครั้งนี้ ได้มีการกำชับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนให้กระทำอย่างรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด รวมทั้งให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าวทั้งที่อยู่ในประเทศ และหลบหนีออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร กลุ่มผู้กระทำผิดเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งจะมีการตรวจค้นเพื่อยึดอายัดทรัพย์ เพื่อไม่ให้สามารถกลับมากระทำผิดซ้ำได้อีก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น