วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565

คุก 415 ปี! อดีตผอ.ทรัพยากรฯยะลา เรียกสินบนโรงไม้

 

🚩🚩คุก 415 ปี! อดีตผอ.ทรัพยากรฯยะลา เรียกสินบนโรงไม้

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาจำคุกอดีตข้าราชการระดับ “ผอ.” ฐานเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการออกหรือต่อใบอนุญาตโรงงานแปรรูปไม้ในยะลา โดนลงโทษถึง 83 กรรม จำคุกรวมสูงถึง 415 ปี แต่กำหนดโทษจริง 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คดีนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ได้รับบัตรสนเท่ห์กล่าวหา นายสมาน สะแต อดีตผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา ช่วงที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2555-2559 เรียกรับเงินจากการออกใบอนุญาตและต่อใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ เพื่อตอบแทนการออกใบอนุญาต

โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือ ทสจ. เป็นหน่วยงานในระดับภูมิภาคของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ต่อมา ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง พบว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯรายนี้ อาศัยอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกและต่อใบอนุญาตโรงงานแปรรูปไม้ เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ เพื่อตอบแทนในการออกหรือต่อใบอนุญาต รวม 86 ครั้ง

คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเมื่อปี 61 ว่า การกระทำของอดีตผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา มีมูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

นอกจากนั้นยังมีมูลเป็นความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย

สำหรับการดำเนินการหลังมีมติชี้มูล ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ได้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาของอดีตผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9

ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานและคำเบิกความทั้งหมดแล้ว มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย กรรมละ 5 ปี จำนวน 83 กรรม รวมโทษจำคุก 415 ปี แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กำหนดว่า เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 50 ปี สำหรับกรณีความผิดกระทงหนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี ขึ้นไป จึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี แต่คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยยังสามารถยื่นอุทธรณ์และต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น