ถ้าเราได้ศึกษาหลักคำสอนอย่างจริงจัง
จะพบว่าบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้านั้นเหมาะสมที่จะนำมาใช้กับทั่วพื้นแผ่นดินนี้
กับผู้คนที่แตกต่างทางฐานะ ภูมิประเทศ ภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งเมื่อใดที่บทบัญญัติของอัลเลาะห์(ซ.บ.)
ถูกนำมาใช้ ก็จะนำมาซึ่งความสันติสุขแก่มวลมนุษย์ทุกคน
ศาสนาอิสลามของเรา
ถูกประทานมาด้วยความยุติธรรม ดังนั้นเราไม่สามารถอ้างความโกรธเคืองของเรา เพื่อเอาไปสร้างความเดือดร้อนกับชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
แม้กระทั่งการใช้คำเรียกขานด้วยฉายาต่าง ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับความจริงพวกเขาก็ตาม
อัลเลาะห์(ซ.บ.) ตรัสว่าความว่า “และจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด
ทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า”(อัล-มาอิดะฮฺ
: 8)
อิสลามสอนเราว่า
บุคคลหนึ่งไม่สามารถแบกรับบาปแทนกันได้ นั้นหมายถึง
เราไม่สามารถลงโทษบุคคลที่ไม่มีความผิดได้ อัลลอฮฺ ตรัสว่าความว่า
“และไม่มีผู้แบกภาระคนใดจะแบกภาระของผู้อื่นได้” (อัล-อันอาม :164)
ดังนั้นในศาสนาอิสลามมีความชัดเจนมากในเรื่องเหล่านี้
ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าของบรรดามุสลิมในศาสนาอิสลาม
พวกเขาเรียกร้องให้มีการกำหนดนิยามคำว่า “การก่อการร้าย” ให้ชัดเจน
และเป็นไปไม่ได้ที่มุสลิมจะยินยอมปล่อยให้คำนี้มีความคลุมเครืออีกต่อไป
เนื่องในศาสนาอิสลามห้ามการกระทำดังกล่าว
ความพยายามเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครอง
ที่มีความชอบธรรมด้วยวิธีการที่รุนแรง การก่อการเช่นนี้ถือเป็นบาปมหันต์อย่างหนึ่ง
และบทลงโทษ คือการประหารชีวิต ท่านบีมุหัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได้กล่าวว่าความว่า “ผู้ใดที่ก่อการอย่างใดอย่างหนึ่ง(เพื่อให้อำนาจพวกท่านกระทบกระเทือน
หรือต้องการให้พวกท่านแตกแยกในหมู่คณะ) ในขณะที่พวกท่านมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้นำคนหนึ่งอยู่แล้ว
ก็จงประหารชีวิตผู้ก่อการเช่นนั้น” (บันทึกโดยมุสลิม บทว่าด้วย อัล-อิมาเราะฮฺ
(การปกครอง) เลขที่หะดีษ 1852 และอะหฺมัด 4/341)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น