ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในอีกแง่มุมหนึ่งที่ที่สะท้อนถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมในชาติพันธุ์เดียวกัน
และไม่ค่อยมีนักประวัติศาสตร์หยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญในเชิงสร้างสรรค์ทางประวัติศาสตร์
มุมมองของความเป็นบรรพบุรุษในชาติพันธุ์เดียวกัน
และเคยมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมเดียวกันนั้น
ไม่ว่าทางความเชื่อ ความศรัทธาที่ได้ยึดถือและสืบทอดกันมายาวนานมาเป็นประเด็นการเชื่อมใจสำหรับผู้คนในพื้นที่แห่งนี้
ในบางตอนของบทความนี้ได้พูดถึงวิวัฒนาการของการนับถือศาสนาในยุคลังกาสุกะ(Lang kasuka)
เพราะก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามา
ได้มีการนับถือลักธิโซโรอัสเตอร์ (ลักธิบูชาไฟ) มาก่อน ต่อมาอินเดียได้นำศาสนาพราหมณ์(ฮินดู)
และต่อจากนั้นอาณาจักรศรีวิชัยจากอินโดนิเซียก็ได้เผยแผ่ศาสนาพุทธมหายานเข้ามาสู่ในดินแดนแห่งนี้
ดังนั้นสิทธิเหนือดินแดนแห่งนี้
จึงเป็นสิทธิของบุคคลซึ่งเป็นทายาทสืบสายในความเป็นชาติพันธุ์ดั้งเดิม ไม่ว่าปัจจุบันเขาจะนับถือศาสนาใด
ภาษาใด และมีวิถีวัฒนธรรมใดก็ตาม
อีกประการหนึ่งที่ผู้เขียนพยายามที่จะอธิบายคำว่า
“ชาติพันธุ์” อันเนื่องจากชาติพันธ์มลายู มิได้หมายถึงความเป็น“อิสลาม” และความเป็น“อิสลาม”ก็มิได้หมายถึงความเป็น“มลายู”เช่นกัน
ผู้คนที่สืบสายชาติพันธุ์มลายูจะนับถือศาสนาใดๆนั้น ขึ้นอยู่กับสิทธิของปัจเจกบุคคล
หากเราได้ศึกษาถึงการนับถือศาสนา ของผู้คนในประเทศอินโดนีเซียแล้ว
จะพบว่าคนที่นั้นจะมีทั้งมลายูอิสลาม มลายูพุทธ มลายูพราหมณ์ มลายูคริสต์
และมลายูลักธินิกายอื่นๆมากมาย
แต่สำหรับผู้คนในพื้นที่
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นคนชาติพันธุ์มลายูจะนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่
รองลงมาจะนับถือศาสนาพุทธและอื่นๆ ซึ่งมีไม่มาก และมีหลายพื้นที่ที่ยังคงมีประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมสืบทอดกันมาร่วมกัน
สามารถสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของความเป็นชาติพันธุ์มลายูดั้งเดิม
หรือที่เรียกกันว่า “วัฒนธรรมร่วมราก” เช่น ประเพณีแห่ขันหมาก ประเพณีแต่งงาน
ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ รูปแบบการรักษาโรคทางไสยศาสตร์ อาหารพื้นบ้านดั้งเดิม
ศิลปะการแสดงมะโย่ง มโนราห์ หนังตะลุง การแต่งกายของสตรี การนุ่งผ้าโสร่ง
การโผกสะบัน ศิลปะภูมิปัญญาพื้นบ้าน ศิลปะการตกแต่งบ้าน การออกแบบงานก่อสร้างศาสนสถาน
และอื่นๆ อีกมากมากที่มีให้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น