ทุกวันนี้เหตุการณ์ความไม่สงบสุขในพื้นที่
3 จชต. ที่เกิดขึ้น
บางอย่างอาจเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มนักการเมืองที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล
ทั้งในประเทศและนอกประเทศ อาจคาบเกี่ยวกับผลประโยชน์
คอยสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่ข้างหลัง มีการ “ลงขัน”
ของกลุ่มนักการเมืองและธุรกิจผิดกฎหมาย (ยาเสพติด โจรกรรมรถยนต์ กิจการโสเภณี ฯลฯ)
บ้างโยงไปยัง “การก่อการร้าย” ข้ามประเทศ และที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ คือ
ข้อกล่าวหาคลาสสิคของ “การแบ่งแยกดินแดน” ดั่งเช่นเหตุระเบิด กทม.
ครั้งใหญ่ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ก่อเหตุวางระเบิดเป็นคนในพื้นที่
3 จชต. แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่เกี่ยว !!
การทำสงครามสู้รบในปัจจุบันไม่เพียงแต่ใช้อาวุธในการต่อสู้
โดยการก่อเหตุ ทำลายทรัพย์สินของรัฐ ของประชาชน
และการแย่งชิงมวลชนก็ถึงเป็นเครื่องมือในการต่อสู้อีกช่องทางหนึ่ง
หากทำลายความหน้าเชื่อถือของรัฐในการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนได้นั้นยิ่งเป็นผลดี
การก่อเหตุในหมู่บ้าน ชุมชน
ก็ย่อมได้รับความช่วยเหลือให้ข้อมูลจากเจ้าของพื้นที่อย่างเช่นนักการเมืองท้องถิ่น
หากฝั่งไหนได้ประชาชนไปมากกว่าก็ง่ายต่อควบคุมหากมีการเลือกตั้ง...แต่ลืมคำนึงไปไหมว่าการทำเช่นนี้เท่ากับเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์มาเป็นเครื่องมือ
!!
คนส่วนใหญ่มักพุ่งเป้าไปที่ปัญหาของความแตกต่างทางชาติพันธุ์
ศาสนา ภาษา ของคนที่อยู่ร่วมกัน ทำให้เข้าใจไปอย่างสุดโต่งว่า
ปัญหาเหล่านี้คือเหตุแห่งความรุนแรงในพื้นที่ 3 จชต. ทั้งที่จริงแล้ว
คือ “ปัญหาการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง” ที่แอบแฝงอยู่หลังเหตุการณ์ความไม่สงบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น