วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565

พหุวัฒนธรรม นำสันติสุข

 

พหุวัฒนธรรม นำสันติสุข

ภาพของเด็กๆ ไทยพุทธและมุสลิมที่เรียนรู้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเป็นภาพที่เกิดขึ้นและเห็นกันชินตาทั่วไป ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ถ้าย้อนกลับไปก่อนที่จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ภายใต้ความแตกต่างหลากหลาย มีการช่วยเหลือ แบ่งปัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันตลอดมา

 เจ้าอาวาสวัดภมรคติวัน บ้านแม่กัง ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี บอกว่า “สมัยที่ยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น การไปมาหาสู่การทำกิจกรรมร่วมกัน มีความกลมเกลียวกันสามารถที่จะทำอะไรร่วมกันได้ แต่ถึงตอนนี้ก็ยังมีตามปกติของสังคมในตำบลควนโนรี เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชนฝั่งอิสลามหรือว่าผู้นำศาสนาก็ยังไปมาหาสู่ ยังติดต่อยังทำกิจกรรมร่วมกัน เวลาวัดมีกิจกรรม มีผ้าป่า มีกฐิน ทางผู้นำชุมชนทางฝ่ายมุสลิมก็จะมาช่วยมาร่วม หรือหากในหมู่บ้านมีงานอะไรทั้งพุทธทั้งมุสลิมก็จะมาใช้วัดเป็นสถานที่จัดงานร่วมกันก็อยู่กันอยู่เสมอ” เจ้าอาวาสวัดภมรคติวัน พูดถึงการอยู่ร่วมกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่นายกอเซ็ง สาและ คอเต็บมัสยิดบ้านจำปูน อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ก็บอกว่า “เราอยู่กันอย่างสงบสุขมานาน เวลามีงานบุญ งานข้าวเหนียวหรือมาแกปูโล๊ะต่างๆ ทางไทยพุทธก็จะเชิญพี่น้องมุสลิมเราไปกินเลี้ยงด้วยกัน ซึ่งจะมีครัวฮาลาล รับผิดชอบโดยชุมชนมุสลิมและจากนั้นก็จะมารับประทานอาหารร่วมกันอย่างสนุกสนาน” นอกจากนี้คอเต็บมัสยิสบ้านจำปูน ยังบอกว่าถึงแม้จะมีความคิดที่แตกต่าง แต่ตามหลักแล้วมุสลิมส่งเสริมให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

พลเอก ปราการ ชลยุทธ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลบอกว่า “ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ความแตกต่างทางด้านศาสนา ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมมาเป็นตัวตัวจุดประกายเป็นตัวแบ่งแยก เมื่อเราค้นพบสาเหตุแล้วทางรัฐบาลก็พยายามที่จะนำความงดงามในอดีตให้กลับคืนมา โดยจะทำให้พี่น้องประชาชนต่างศาสนิกได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขเหมือนเช่นอดีต” ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล

ซึ่งเดินทางมาที่บ้านควนโนรี เพื่อดูวิถีชีวิตของชุมชนสองวิถี กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับบอกเพิ่มเติมว่า เชื่อมั่นว่าการดำเนินการต่างๆที่ผ่านมาของภาครัฐ จะนำความสงบสุขมาสู่ทุกชุมชน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

แม้อาจมีบางช่วงบางเวลา ที่เกิดความหวาดระแวงกันขึ้นระหว่างพี่น้องประชาชนที่มีความแตกต่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเรียนรู้ว่าความแตกแยกที่มีคนพยามจะสร้างขึ้น ได้ทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนับวันจะแย่ลงเรื่อย ๆ พี่น้องประชาชนหลายพื้นที่หลายชุมชนจึงพยายามที่จะกลับไปดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมที่เคยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่อดีต และต่างเชื่อมั่นว่าการอยู่ร่วมกันแม้จะแตกต่างคือแนวทางที่ถูกต้อง ที่จะนำความสงบมาสู่พื้นที่ เพื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น