สัมพันธ์พุทธ-มุสลิมในไทย...สมเด็จพระสังฆราชทรงเล่าประทานเลขาฯมุสลิมโลก
การเดินทางเยือนประเทศไทยของ
ดร.มุฮัมหมัด บิน อับดุลการีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก
ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ สร้างความคึกคักให้กับแวดวงศาสนา
และปลุกกระแสการขับเคลื่อนงานด้านพหุวัฒนธรรมให้แข็งแกร่งยั่งยืนมากขึ้นในสังคมไทย
ระหว่างการปฏิบัติภารกิจในประเทศไทย
เลขาธิการองค์การสันติบาตมุสลิมโลกได้มีโอกาสเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช
ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ด้วย
ในการนี้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ ดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา
เฝ้าในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 13 ถึงวันที่ 21 ก.พ.65
@@ “วัด” ศูนย์กลางการศึกษาของเด็กทุกศาสนิก
สมเด็จพระสังฆราช
มีพระดำรัสสรุปความว่า การพบปะกันครั้งนี้ขอให้ถือว่าเป็นการพบกันของเพื่อน
ซึ่งล้วนมีความปรารถนาดีต่อกัน อันจะยังให้เกิดสันติสุขในหมู่มวลมนุษยชาติ
พร้อมทั้งมีรับสั่งเล่าประทานว่า
ภายในบริเวณวัดราชบพิธ เคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดราชบพิธ
ซึ่งมีนักเรียนผู้นับถือศาสนาต่างๆ ทุกศาสนามาใช้เล่าเรียนและพำนัก
ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลาม หรือศาสนาคริสต์ ต่างได้มาศึกษาร่วมกัน
เรียนรู้วิถีชีวิตของกันและกัน แม้ในอดีตชุมชนใกล้เคียงกันกับวัดราชบพิธก็มีชาวมุสลิมอาศัยร่วมอยู่ด้วย
การอยู่ร่วมกันของศาสนิกชนต่างศาสนาในสังคมไทยจึงดำเนินไปโดยสงบสุขเป็นปกติ
ทรงเล่าประทานว่า
คนไทยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมประเพณีของศาสนาอิสลามมานานแล้ว
อย่างน้อยตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมีชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายหรือรับราชการในเมืองไทย
มีผู้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสกุลใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวาง
@@ พุทธ-มุสลิมชายแดนใต้อยู่ร่วมกันสันติ
ในส่วนของพระองค์เองเคยเสด็จไปจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งมีประชากรคนไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมาก ทรงสังเกตว่า
ทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิมต่างใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสันติตามหลักศาสนา
ยามที่ชาวมุสลิมมีการงานประเพณีใด ชาวพุทธก็นำสิ่งของไปช่วยงาน
ในขณะที่ถ้าชาวพุทธมีการงานประเพณีใด ชาวมุสลิมก็นำสิ่งของมาช่วยงานเช่นเดียวกัน
ทรงสามารถยืนยันได้ เพราะได้เคยทอดพระเนตรเห็นประจักษ์มาด้วยพระองค์เอง
ทั้งนี้พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์มีพระบรมราชปณิธานที่จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา
พระบรมราโชบายเช่นนี้ จึงทำให้เมืองไทยร่มเย็นด้วยสามัคคีธรรมเสมอมา
@@ ผู้ยุยงให้แตกแยกเพราะศาสนา...ไม่ใช่มุสลิม
ด้าน
เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก กราบทูลแสดงความปีติยินดีและสนองพระดำรัสว่า
ตนรับทราบเรื่องราวดังกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
รู้สึกยินดียิ่งที่สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันโดยสันติ
ทั้งขอชื่นชมบทบาทของผู้นำศาสนาที่ธำรงไว้
ซึ่งความกลมเกลียวใกล้ชิดกันอย่างนี้เสมอ บรรยากาศการที่ได้มาเฝ้าฯในวันนี้
เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันและการทำงานร่วมกัน
ถ้าตราบใดเมืองไทยยังมีบุคคลอย่างเช่นสมเด็จสังฆราชทรงเป็นแบบอย่าง
ตราบนั้นย่อมจะมีแต่ความสงบสุข
นอกจากนี้ยังกราบทูลถวายคำยืนยันว่า
บุคคลใดยุยงให้ผู้คนในสังคมรู้สึกแตกแยกบาดหมางกันโดยอ้างความแตกต่างกันทางศาสนา
บุคคลนั้นไม่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมที่แท้จริง หากทุกคนยังยึดมั่นในหลักศาสนา
ประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ในที่สุด
เพราะการก่อให้เกิดความร้าวฉานนั้นเป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของศาสนาใดๆ
ในโลก ผู้ที่กระทำการเช่นนั้นต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง
@@ ซาบซึ้งในหลวงทรงเป็นประธานงานเมาลิดกลาง
ตนได้ทราบว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในงานเมาลิดกลางอยู่เสมอ
แสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยอันประเสริฐต่อทุกศาสนิกชน เป็นที่ชื่นชมของมุสลิมทั่วโลก
ครั้นได้มาเฝ้าฯและรับฟังพระดำรัสอันเปี่ยมด้วยปรัชญาแห่งความดีจากสมเด็จพระสังฆราช
ยิ่งทำให้รู้สึกปีติ
และจะขอนำเรื่องราวที่ได้พบเห็นเหล่านี้ไปแจ้งแก่ทุกภาคส่วนให้ได้ทราบ
เพื่อผดุงสันติภาพและสร้างสรรค์ความเข้าใจซึ่งกันและกันต่อไป
ครั้นสมควรแก่เวลา
สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานเหรียญพระรูปและหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
ภาคภาษาอังกฤษเลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก
ขณะที่เลขาธิการองค์การสันติบาตมุสลิมโลกถวายของที่ระลึกเป็นกาน้ำทองเหลือง
พร้อมกราบทูลว่า เป็นสัญลักษณ์ของความเยือกเย็นเช่นสายน้ำ
สมกับพระจริยวัตรอัธยาศัยอันเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของเจ้าพระคุณ
ซึ่งตนสามารถสัมผัสได้โดยซาบซึ้งยิ่งในวันนี้
@@ ม.ฟาฏอนี มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
อีกช่วงหนึ่งของการเยือนประเทศไทย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายกสภามหาวิทยาลัยฟาฏอนี จ.ปัตตานี เป็นประธานในพิธีมอบปริญญา
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชานิติศาสตร์ แด่ ดร.มุฮัมหมัด บิน
อับดุลการีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ณ ห้องประชุมแกรนด์มิราจ
โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพมหานคร โดยมี ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี และมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมพิธี
เพื่อร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก
โดยในพิธีมอบปริญญาบัตรเริ่มด้วยการอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน
ก่อนพิธีสวมครุยและมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
สำหรับ
ดร.มุฮัมหมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา
เป็นผู้มีประสบการณ์การทำงานด้านกฎหมายที่โดดเด่นในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย
เคยดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลฎีกา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและองคมนตรี
ทั้งยังมีผลงานที่โดดเด่นในเรื่องของกฎหมายอิสลามเปรียบเทียบกระบวนการยุติธรรมเปรียบเทียบ
กฎหมายมหาชนเปรียบเทียบ และยังได้เสนอผลงานทางวิชาการด้านกฎหมายในเวทีระดับโลก
ซึ่งมีผลต่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรมในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ทำให้
ดร.มุฮัมหมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า
เป็นผู้มีบทบาทสําคัญระดับโลกเกี่ยวกับอิสลามสายกลาง
มุ่งมั่นที่จะนำความตระหนักรู้ไปยังทั่วโลกสู่สัจธรรมที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น