ถือศิลอด 30 วัน เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา ?
1-3 วันแรก คือ ช่วงที่ยากลำบากที่สุด
ตามหลักการแล้ว
ร่างกายไม่ได้เข้าสู่ 'ภาวะอดอาหาร' จนกว่าจะครบ 8 ชั่วโมงหลังกินอาหารมื้อสุดท้าย
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ดูดสารอาหารต่าง ๆ จากอาหารเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
ร่างกายของเราก็จะเปลี่ยนกลูโคสที่เก็บสะสมไว้ในตับและกล้ามเนื้อมาให้พลังงาน
เมื่อกลูโคสหมด ไขมันก็จะกลายเป็น แหล่งพลังงานสำหรับร่างกายแทน
เมื่อร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมัน
ก็จะช่วยทำให้น้ำหนักลดลง ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม การลดลงของระดับน้ำตาลในเลือด จะทำให้เกิดความอ่อนเพลียและเซื่องซึม
คุณอาจจะมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และหายใจลำบาก เมื่อมีอาการหิวเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับรุนแรง
วันที่ 3-7 ระวังเรื่องการขาดน้ำ
ขณะที่ร่างกายเริ่มชินกับการอดอาหาร
ไขมันจะถูกนำมาแปลงเป็นน้ำตาลในเลือด
การที่คุณไม่ได้รับของเหลวเข้าสู่ร่างกายในช่วงถือศีลอด
ก็ต้องชดเชยในช่วงหลังจากเลิกถือศีลอดในแต่ละวัน ไม่เช่นนั้น ก็อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำได้อาหารที่คุณรับประทานควรจะมี
'อาหารที่ให้พลังงาน' ในระดับเหมาะสม อย่างเช่น
คาร์โบไฮเดรต และไขมันบางอย่าง
เป็นเรื่องสำคัญมากในการควบคุมการกินอาหารให้ได้สารอาหารอย่างสมดุล รวมถึง โปรตีน
เกลือ และน้ำ
วันที่ 8-15 เริ่มชิน
ก่อนที่จะเข้าขั้นที่
3 นี้ คุณน่าจะเห็นพัฒนาการทางอารมณ์
ในช่วงที่ร่างกายปรับตัวกับการอดอาหารได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ดร. ราซีน มาห์รูฟ
ที่ปรึกษาในหน่วยผู้ป่วยหนักและยาชา ที่โรงพยาบาลแอดเดินบรูกส์ ในเมืองเคมบริดจ์
กล่าวว่า มีข้อดีหลายอย่างจากการอดอาหารเช่นกัน
"ในชีวิตประจำวัน เรามักกินมากเกินไป
และอาจส่งผลให้ร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่อื่นเท่าที่ควร เช่น การซ่อมแซมตัวเอง"
"การปรับสภาพของร่างกายจะเกิดขึ้นในช่วงถือศีลอด
ทำให้ร่ายกายได้หันไปทำหน้าที่อื่น ๆ"
ดังนั้น
การถือศีลอดอาจจะเป็นผลดีต่อร่ายกาย ด้วยการทำให้เกิดการซ่อมแซม
และยังช่วยป้องกันและต้านทานการติดเชื้อด้วย
วันที่ 16-30 ถอนพิษ
ในช่วงครึ่งหลังของการถือศีลอด
ร่างกายจะปรับตัวเข้ากับกระบวนการอดอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในช่วงนี้
ลำไส้ใหญ่,
ตับ, ไต และผิวหนัง จะเข้าสู่ช่วงของการถอนพิษ
"ในด้านสุขภาพ ขั้นนี้ การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
น่าจะกลับไปสู่ระดับเต็มศักยภาพอีกครั้ง ความจำและสมาธิอาจจะดีขึ้น
และคุณอาจมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น
ดร.
มาห์รูฟ กล่าว "ร่างกายคุณไม่น่าจะหันไปใช้พลังงานจากโปรตีน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ภาวะ
'อดอยาก' ที่ต้องดึงกล้ามเนื้อมาสร้างพลังงาน
ภาวะเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการอดอาหารยาวนานต่อเนื่องกันนานหลายวันหรือหลายสัปดาห์"
"เนื่องจากการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนดำเนินไปตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก
เราจึงมีช่วงเวลามากพอที่จะเติมพลังให้ร่างกายด้วยอาหารและน้ำ
ช่วยรักษากล้ามเนื้อไว้ แต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย"
#สรุปแล้ว
การถือศีลอดมีผลดีต่อสุขภาพหรือไม่
ดร. มาห์รูฟ
กล่าวว่า มีผลดี แต่มีเงื่อนไข
"การถือศีลอดเป็นผลดีต่อสุขภาพของเรา
เพราะมันช่วยให้เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรากินและเวลาที่เรากิน อย่างไรก็ตาม
ขณะที่การถือศีลอดนาน 1 เดือนอาจจะไม่เป็นไร
แต่ก็ไม่แนะนำให้อดอาหารต่อเนื่อง"
"การอดอาหารต่อเนื่องไม่เป็นวิธีที่ดีสำหรับการลดน้ำหนักในระยะยาว
เพราะสุดท้ายแล้ว ร่างกายของคุณจะหยุดเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงาน
และจะหันไปใช้กล้ามเนื้อแทน นี่ไม่ดีต่อสุขภาพ
เพราะนั่นจะทำให้ร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวอดอยาก”
เขาแนะนำว่า
(นอกเหนือเดือนรอมฎอน) การอดอาหารเป็นช่วง ๆ หรือการควบคุมการกินแบบ 5:2
(อดอาหาร 2-3 วันต่อสัปดาห์
ส่วนเวลาที่เหลือก็กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ)
น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าการอดอาหารต่อเนื่องครั้งหนึ่งนานหลายเดือน
"การถือศีลอดอย่างถูกวิธีในช่วงเดือนรอมฎอน
น่าจะทำให้คุณได้เติมพลังงานในแต่ละวัน
ซึ่งหมายความว่าคุณอาจลดน้ำหนักลงโดยที่ร่างกายไม่เสียกล้ามเนื้อที่มีคุณค่า"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น