หลักสิทธิมนุษยธรรมเห็นได้ว่า
“รัฐ” ใช้ทุกหนทางเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แต่ความต้องการของกลุ่มขบวนการนั้นสั่งให้สู้ตาย เพื่อใช้ซากศพเป็นเครื่องมือทำให้เกิดกระแส
ค่านิยม แม้ตายยังทำประโยชนได้รับการยกย่อง
จากหลายเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่
ทำให้เกิดความสูญขึ้นทั้งสองฝ่ายอย่างที่เห็น
แต่การสูญเสียที่ดูจะเป็นเรื่องน่าเศร้าใจสำหรับแนวร่วมนั้น
กลับกลาย เป็นเข้าทางของฝ่าย BRN เพราะศพผู้ก่อเหตุความไม่สงบที่ถูกวิสามัญฯ
เมื่อนำไปฝัง สามารถใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดม
เป็นสิ่งปลุกเร้าและสร้างคนรุ่นใหม่เข้าสู่ขบวนการได้ง่าย
การจัดพิธีศพจึงไม่มีการอาบน้ำละหมาด
ยกย่องให้ผู้ตายเป็น “ผู้กล้าหาญ” ขณะแห่ศพสู่กุโบร์ก็ตะโกนสรรเสริญไปตลอดทางเยี่ยง
“วีรบุรุษ” ที่พลีชีพในฐานะนักรบ
#ทั้งที่ในความเป็นจริง จชต. ไม่ใช่พื้นที่สงคราม
ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่จึงหลีกเลี่ยงการ
“จับตาย” มากที่สุด เพราะฝ่ายที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ “รัฐ” หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ
แต่ประโยชน์แท้จริงกลับตกอยู่กับฝ่าย BRN โดยเฉพาะในงานมวลชนทำให้ดึงสมาชิกหน้าใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น
ถ้าทำได้ให้
“จับเป็น” แนวร่วม BRN
เพราะมีแต่วิธีนี้ที่จะเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ
เนื่องจากนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อมูลความลับที่ต้องการมากกว่า.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น