กองทุน
BRN
4 พันล้าน! รบได้อีกนานกับรัฐไทย
ข่าวคราวความรุนแรงใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่แผ่วลงเลย จากชุดความรุนแรงที่มี “กลุ่มอ่อนแอ-เปราะบาง”
ตกเป็นเป้า ทั้งเด็ก คนแก่ คนพิการ และนักบวชในศาสนาพุทธอย่าง “เณร” ช่วงครึ่งหลังของเดือน
เม.ย.ต่อต้นเดือน พ.ค.68 ที่ผ่านมา
ล่าสุดชุดความรุนแรงได้ย้ายมาโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ
ตำรวจ ทหาร และ อส.อีกระลอก ทั้งๆ ที่นี่คือปี 21
และกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 22 ของสถานการณ์ไฟใต้
นับตั้งแต่เหตุปล้นปืนครั้งมโหฬารเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 แล้ว
ทำไมเกิดคำถามนอกเหนือจากคำถามเดิม
ๆ ที่ว่า ทำไมรัฐบาลทุกชุดจึงแก้ไขปัญหาไม่ได้สักที
วันนี้มีคำถามใหม่เพิ่มขึ้นมาว่า
ขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือ กลุ่มก่อความไม่สงบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทำไมถึงก่อเหตุได้บ่อยจัง เพราะขนาดรัฐบาลส่งทหาร ตำรวจ อส. ลงไปแก้ปัญหาตลอด 21 ปี ใช้งบไปแล้ว 5 แสนกว่าล้านบาท (เฉพาะงบโครงการ
ไม่รวมเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง) แล้วกลุ่มป่วนใต้เอาเงินมาจากไหน
จึงก่อเหตุได้ไม่หยุดหย่อน
ทีมกาแฟยามเช้า
มีข้อมูลที่รวบรวมจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ศึกษาโครงสร้างของกลุ่ม BRN ซึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อกันว่ามีบทบาทสูงสุดต่อสถานการณ์ชายแดนใต้ในห้วงกว่า
2 ทศวรรษมานี้ โดยข้อมูลที่รวบรวมได้
มีส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับแหล่งทุนของ BRN ว่ามาจากไหน
1. การเก็บค่าสมาชิก
คนละ 1 บาทต่อวัน เพื่อนำไปเป็นทุนในการต่อสู้และปลดปลอย “ดินแดนปัตตานี”
ที่เรียกว่า “ปาตานี”
-
จริงๆ แล้วการเก็บค่าสมาชิก มีเหตุผลแฝงในแง่ของการ “เช็คยอด -
เช็คกำลังสนับสนุน” ด้วย ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ตัวเงินเท่านั้น
-
การเก็บค่าสมาชิก ยังสร้างการมีส่วนร่วมให้มวลชนรู้สึกว่า
เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ ทำให้เกิดความสามัคคีและช่วยเหลือกัน
2. เข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ โดยเฉพาะ “กรีดยางในสวนยางพารา”
ของสมาชิก เดือนละ 1 วัน กรีดได้เท่าไร ก็นำรายได้ส่งเข้าขบวนการทั้งหมด
3. ลอบวางระเบิดตามสวนยางพารา
สวนผลไม้ของคนไทยพุทธ และกระทำรุนแรงต่อคนพุทธ เพื่อขับไล่ออกจากพื้นที่
บีบหรือกดดันให้ขายสวน ขายกิจการในราคาถูก
4. พี่น้องไทยพุทธบางส่วนอพยพออกจากพื้นที่โดยไม่ได้ขายที่ดิน
หรือสวนผลไม้ สวนยางพารา ช่วงที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่
ก็จะมีคนของขบวนการเข้าไปกรีดยาง เก็บผลไม้ เก็บรายได้ไปแทน
5. เก็บค่าคุ้มครองจากกิจการห้างร้านต่างๆ
แต่การเรียกค่าคุ้มครองนี้ ไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของขบวนการแบ่งแยกดินแดนจริงๆ
หรือมีกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่สวมรอย หรือเป็นกลุ่มเดียวกัน
6. เก็บรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมาย
และมีคนในขบวนการบางส่วน เชื่อมโยงกับกลุ่มค้ายาเสพติด ขนสินค้าเถื่อน
ในลักษณะเอื้อประโยชน์กัน เช่น ใช้คนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนก่อเหตุรุนแรง
เพื่อให้กำลังของเจ้าหน้าที่เทไปในพื้นที่เกิดเหตุ
เปิดทางให้การลำเลียงยาเสพติดหรือของเถื่อน น้ำมันเถื่อนในอีกพื้นที่หนึ่ง
ทำได้สะดวกขึ้น
ขณะที่ฝ่ายขบวนการก็ได้ผลประโยชน์จากเม็ดเงินค่าจ้าง
หรือสร้างความเสียหายให้กับเจ้าหน้าที่
แต่ก็มีความเป็นได้ว่า
กลุ่มค้ายา หรือค้าของเถื่อน มีกองกำลังของตัวเองอีกส่วนหนึ่งด้วย
ในการสร้างสถานการณ์ต่างๆ
7. เม็ดเงินจากสมาชิกบางส่วนที่ไปทำงาน
หรือประกอบกิจการในมาเลเซีย มีการตั้งเครือข่ายผู้ประกอบการ
เชื่อมโยงกับกลุ่มที่มีแนวคิดแตกต่างจากรัฐ
นี่คือแหล่งที่มาของ
“เม็ดเงิน” ซึ่งถูกนำมาใช้ในกิจกรรมก่อความรุนแรง
โดยมีเป้าหมายเพื่อแบ่งแยกดินแดน
หรือลดทอนอำนาจการปกครองของรัฐไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
Finance ของ BRN “ทุน-สินทรัพย์ 4
พันล้าน”
อย่างไรก็ดี
ล่าสุดงานวิจัยชาวเยอรมัน ดร.ซาช่า เฮลบาร์ท (Dr. Sascha Helbardt) ซึ่งร่วมวิจัยในโครงการ
“แนวความคิดในการต่อต้านความรุนแรงแบบสุดโต่ง
กับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย”
ร่วมคณะกับ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง
และเคยผ่านงานในระดับรัฐบาลมาแล้วในอดีต
ข้อมูลวิจัยของ
ดร.ซาช่า ส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับ Finance ของ BRN ข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อมูลลอย
ๆ เพราะมีที่มาจากหน่วยข่าวความมั่นคง และผลการซักถามผู้ต้องสงสัย
และผู้ต้องหาคดีความมั่นคงชายแดนใต้ มีเลขคดี เลขการสอบสวนชัดเจน จึงขอสรุปในภาพรวมก่อน
จากนั้นจะทยอยเสนอเจาะลึกในรายละเอียดแยกเป็นประเด็นๆ ต่อไป
1. เมื่อ
5 ปีก่อน มีข้อมูล “การข่าว” จากการประชุมผู้นำ BRN มีการระบุว่า ขบวนการมีเงินทุนและสินทรัพย์ที่ใช้เคลื่อนไหว รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท
2. เงินและทรัพย์สิน
ตลอดจนสินทรัพย์อื่นๆ จำนวนนี้ มีอยู่ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย
3. เงินส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยผู้นำระดับสูง
แต่ระดับล่างก็สามารถเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้ในการดำเนินงานของตนได้
4. BRN มี “กระทรวงการคลังเงา” ทำหน้าที่จัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยต่างๆ ของ BRN
เช่น
- ฝ่ายทหารของ BRN
- ฝ่ายการเมืองของ BRN
- กระทรวงศึกษาธิการของ BRN
- กระทรวงการต่างประเทศของ BRN
(ทั้งหมดเป็นกระทรวงเงา)
รายได้ปีละ 100 ล้าน “ค่าสมาชิก-รับบริจาค-ร่วมลงทุน”
5. รายได้อีกส่วนมาจาก
“ค่าสมาชิกของ BRN” เก็บเงินจากสมาชิกวันละ 1 บาท พร้อมกับ “เงินบริจาคเพิ่มเติม” ที่เรียกว่า “ซะกาต” เช่น
ในช่วงเทศกาลฮารีรายอ
6. มีระบบบริจาคต้นยางพารา
“มีต้นยาง 100 ต้น ให้ BRN 1 ต้น”
เพื่อให้คนของขบวนการไปกรีดยาง เก็บรายได้
7. BRN ไม่ได้หารายได้จากการค้ายาเสพติด เพราะขัดกับอุดมการณ์ของ BRN และยังลงโทษคนค้ายาเสพติดในชุมชนด้วย
8. BRN ไม่รับบริจาคเงินจากต่างประเทศ ตรงข้ามกับกลุ่ม PULO (พูโล) และกลุ่มขบวนการอื่นๆ
9. BRN ให้เงินกู้เป็นเครดิตแก่สมาชิกและผู้สนับสนุนของ BRN ที่ต้องการเปิดธุรกิจในประเทศมาเลเซียหรือประเทศไทย เช่น
บริษัทค้าขายขนาดเล็ก หรือร้านอาหารไทยในมาเลเซีย ที่เรียกว่า “ร้านต้มยำกุ้ง”
และเครือข่ายของร้านเหล่านี้ก็เป็นแหล่งทำงาน และกบดานของสมาชิก
หรือนักรบที่หลบหนี กบดาน หลังถูกทางการไทยออกหมายจับ
ดร.ซาช่า
สรุปในรายงานการศึกษาของตนว่า รายได้รวมทั้งหมดของ BRN ในแต่ละปี
มีมูลค่าอย่างน้อย 100 ล้านบาท
นอกเหนือจากเงินและสินทรัพย์เดิมที่มีอยู่แล้ว 4,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันมีข่าวว่า BRN บริจาคเงินให้กับกลุ่มฮามาส
เพื่อต่อสู้กับอิสราเอลในดินแดนฉนวนกาซา และปาเลสไตน์ด้วย
สำหรับสินทรัพย์ของ
BRN
มูลค่า 4,000 ล้านบาท มีอะไรบ้าง
นำไปใช้ในเรื่องอะไร และรายได้อีกปีละ 100 ล้านบาท
มาจากที่ไหน โปรดติดตามในตอนต่อไป