วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเสียงเรียกร้องจากประชาชน

ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเสียงเรียกร้องจากประชาชน

         ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเสียงเรียกร้องจากประชาชน เมื่อสันติภาพยังไร้ทิศทาง : ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ยังคงรอคอยความหวังแห่งสันติภาพ ท่ามกลางชีวิตประจำวันที่ต้องอยู่ภายใต้เงาแห่งความหวาดกลัว ภาครัฐกลับยังไม่มีท่าทีชัดเจนในการเดินหน้าสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขอย่างเป็นรูปธรรม ความเงียบนี้ไม่ได้เป็นเพียงช่องว่างในทางการเมืองเท่านั้น หากแต่กลายเป็นพื้นที่ว่างให้ความรุนแรงหวนกลับมาอีกครั้งอย่างโหดร้าย และทารุณยิ่งกว่าเดิม

         สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มก่อการร้าย หากแต่คือการกระทำที่ป่าเถื่อนเกินจะยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหารพระภิกษุและสามเณรผู้กำลังปฏิบัติกิจทางศาสนา การบุกยิงในบ้านพักของชาวบ้านอย่างไม่เลือกหน้า หรือการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่สาธารณะ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งล่าสุด เด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบก็กลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยม

         ที่สะเทือนใจยิ่งกว่านั้น คือเหตุการณ์ที่หญิงชราผู้พิการทางขาและตาบอด ซึ่งเดินทางไปโรงพยาบาลตามนัดหมายแพทย์เพื่อรักษาโรคประจำตัว และหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลลูกหลาน กลับถูกผู้ก่อเหตุสังหารอย่างไร้ปรานี โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต ความโหดร้ายนี้มิใช่เพียงการลบล้างคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเหยื่อ แต่ยังเป็นการประกาศชัดว่า กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ไม่ได้มีศีลธรรมจรรยาใดหลงเหลืออยู่อีกต่อไป

         ในเหตุการณ์เหล่านี้ ชาวบ้านทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมต่างร่วมกันแสดงความเศร้าโศก และตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ของผู้ก่อการร้าย ว่า “จิตใจต้องอำมหิตเพียงใด ถึงจะกล้าทำกับผู้หญิงพิการและเด็กตัวเล็ก ๆ ได้อย่างเลือดเย็น?ความโกรธแค้นของสังคมไม่ใช่เพียงเพราะความสูญเสียของชีวิตเท่านั้น แต่เพราะเหยื่อเหล่านี้ไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของความขัดแย้งใด ๆ ในโลกนี้เลย

         ในฐานะประชาชนผู้รักความสงบ เราเรียกร้องให้รัฐและกลุ่มผู้มีอำนาจทุกฝ่าย หันกลับมาทบทวนว่า เส้นทางใดที่จะสามารถนำพาประเทศไปสู่สันติสุขที่แท้จริง หากภาครัฐยังคงเมินเฉย ต่อการสร้างเวทีพูดคุยอย่างจริงใจ และปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ล้มเหลว ความรุนแรงเช่นนี้จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหยื่อจะเป็นใครก็ได้ในวันถัดไป

         เรายังขอวิงวอนถึงผู้ที่เคยหลงผิด เห็นความรุนแรงเป็นทางออก หรือเชื่อว่าการใช้อาวุธสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ ให้กลับใจ กลับเข้าสู่สังคม ด้วยความสำนึกผิดและตั้งใจจะร่วมสร้างสันติสุขให้แก่บ้านเกิดของตนเอง จงหยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หยุดปลิดชีพเด็กและคนชรา จงนึกถึงความรู้สึกหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง หากคนที่ตายคือแม่ของตน ลูกของตน จะยังรู้สึกภาคภูมิใจหรือไม่?

         การคืนสันติภาพให้แก่พื้นที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของภาครัฐเท่านั้น แต่คือภารกิจของทุกภาคส่วน—จากระดับชุมชนจนถึงระดับชาติ เราทุกคนควรมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ เคารพในความแตกต่าง และต่อต้านการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมาในนามใดหรืออุดมการณ์ใด

         ท้ายที่สุด เราขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียทุกคน และขอให้เสียงของประชาชนที่รักสันติ กึกก้องเพียงพอที่จะปลุกจิตสำนึกของผู้มีอำนาจและผู้ก่อเหตุ ให้รู้ว่าไม่มีเหตุผลใดในโลก ที่จะสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่าเด็กหรือคนแก่ได้อย่างสมเหตุสมผล สันติภาพไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง หากแต่เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันสร้างด้วยมือและหัวใจของคนทุกคน

ขอให้สันติสุขกลับคืนสู่ชายแดนใต้โดยเร็ว

ขอให้เสียงร้องของผู้บริสุทธิ์ไม่สูญเปล่า

และขอให้แผ่นดินนี้ปลอดภัยอีกครั้งสำหรับทุกชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น