ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเสียงเรียกร้องจากประชาชน
ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเสียงเรียกร้องจากประชาชน
เมื่อสันติภาพยังไร้ทิศทาง :
ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ยังคงรอคอยความหวังแห่งสันติภาพ
ท่ามกลางชีวิตประจำวันที่ต้องอยู่ภายใต้เงาแห่งความหวาดกลัว
ภาครัฐกลับยังไม่มีท่าทีชัดเจนในการเดินหน้าสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขอย่างเป็นรูปธรรม
ความเงียบนี้ไม่ได้เป็นเพียงช่องว่างในทางการเมืองเท่านั้น
หากแต่กลายเป็นพื้นที่ว่างให้ความรุนแรงหวนกลับมาอีกครั้งอย่างโหดร้าย
และทารุณยิ่งกว่าเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มก่อการร้าย
หากแต่คือการกระทำที่ป่าเถื่อนเกินจะยอมรับได้
ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหารพระภิกษุและสามเณรผู้กำลังปฏิบัติกิจทางศาสนา
การบุกยิงในบ้านพักของชาวบ้านอย่างไม่เลือกหน้า
หรือการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่สาธารณะ
ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งล่าสุด
เด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบก็กลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยม
ที่สะเทือนใจยิ่งกว่านั้น
คือเหตุการณ์ที่หญิงชราผู้พิการทางขาและตาบอด ซึ่งเดินทางไปโรงพยาบาลตามนัดหมายแพทย์เพื่อรักษาโรคประจำตัว
และหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลลูกหลาน กลับถูกผู้ก่อเหตุสังหารอย่างไร้ปรานี
โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต
ความโหดร้ายนี้มิใช่เพียงการลบล้างคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเหยื่อ
แต่ยังเป็นการประกาศชัดว่า กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ไม่ได้มีศีลธรรมจรรยาใดหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
ในเหตุการณ์เหล่านี้
ชาวบ้านทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมต่างร่วมกันแสดงความเศร้าโศก
และตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ของผู้ก่อการร้าย ว่า “จิตใจต้องอำมหิตเพียงใด
ถึงจะกล้าทำกับผู้หญิงพิการและเด็กตัวเล็ก ๆ ได้อย่างเลือดเย็น?” ความโกรธแค้นของสังคมไม่ใช่เพียงเพราะความสูญเสียของชีวิตเท่านั้น
แต่เพราะเหยื่อเหล่านี้ไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของความขัดแย้งใด ๆ ในโลกนี้เลย
ในฐานะประชาชนผู้รักความสงบ
เราเรียกร้องให้รัฐและกลุ่มผู้มีอำนาจทุกฝ่าย หันกลับมาทบทวนว่า
เส้นทางใดที่จะสามารถนำพาประเทศไปสู่สันติสุขที่แท้จริง หากภาครัฐยังคงเมินเฉย ต่อการสร้างเวทีพูดคุยอย่างจริงใจ และปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ล้มเหลว
ความรุนแรงเช่นนี้จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และเหยื่อจะเป็นใครก็ได้ในวันถัดไป
เรายังขอวิงวอนถึงผู้ที่เคยหลงผิด
เห็นความรุนแรงเป็นทางออก หรือเชื่อว่าการใช้อาวุธสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ได้ ให้กลับใจ กลับเข้าสู่สังคม
ด้วยความสำนึกผิดและตั้งใจจะร่วมสร้างสันติสุขให้แก่บ้านเกิดของตนเอง
จงหยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หยุดปลิดชีพเด็กและคนชรา
จงนึกถึงความรู้สึกหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง
หากคนที่ตายคือแม่ของตน ลูกของตน จะยังรู้สึกภาคภูมิใจหรือไม่?
การคืนสันติภาพให้แก่พื้นที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของภาครัฐเท่านั้น
แต่คือภารกิจของทุกภาคส่วน—จากระดับชุมชนจนถึงระดับชาติ
เราทุกคนควรมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ เคารพในความแตกต่าง
และต่อต้านการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมาในนามใดหรืออุดมการณ์ใด
ท้ายที่สุด
เราขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียทุกคน และขอให้เสียงของประชาชนที่รักสันติ กึกก้องเพียงพอที่จะปลุกจิตสำนึกของผู้มีอำนาจและผู้ก่อเหตุ
ให้รู้ว่าไม่มีเหตุผลใดในโลก
ที่จะสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่าเด็กหรือคนแก่ได้อย่างสมเหตุสมผล
สันติภาพไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง
หากแต่เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันสร้างด้วยมือและหัวใจของคนทุกคน
ขอให้สันติสุขกลับคืนสู่ชายแดนใต้โดยเร็ว
ขอให้เสียงร้องของผู้บริสุทธิ์ไม่สูญเปล่า
และขอให้แผ่นดินนี้ปลอดภัยอีกครั้งสำหรับทุกชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น