อิสลามไม่ได้ขีดกันการดำรงอยู่ภายใต้การปกครองคนต่างศาสนิก
คนอิสลามสามารถอยู่ดำรงชีวิตได้ แม้คนต่างศาสนิกปกครอง ที่ให้ความยุติธรรม เสมอภาค และศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญกับความยุติธรรม ความเมตตา และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับผู้อื่น ไม่ว่าจะมีความเชื่อหรือศาสนาใดก็ตาม อัลกุรอานและแบบอย่างของศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มุสลิมสามารถอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมได้ หากผู้ปกครองหรือสังคมนั้นปฏิบัติด้วยความยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และเคารพในสิทธิพื้นฐานของทุกคนอย่างเสมอภาค
ในประวัติศาสตร์อิสลามเองก็ปรากฏตัวอย่างมากมายที่มุสลิมสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีภายใต้การปกครองของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
ตราบเท่าที่มีการคุ้มครองความปลอดภัย เสรีภาพในการนับถือศาสนา
และมีระบบกฎหมายที่ยุติธรรม อิสลามไม่ได้สั่งห้ามการอยู่ร่วมกับผู้ต่างศาสนิก
แต่กลับส่งเสริมให้มุสลิมแสดงความดี มีจริยธรรม และทำคุณประโยชน์แก่สังคมรอบข้าง
ดังที่โอการอัลกุรอานกล่าวว่า: "แท้จริงอัลลอฮ์ทรงบัญชาให้พวกเจ้าดำรงความยุติธรรม
ทำดี และให้แก่เครือญาติ..." (อัน-นะห์ล 16:90)
ข้อนี้ชี้ให้เห็นว่าความยุติธรรมเป็นหลักการที่อิสลามยึดมั่น
และเป็นหลักที่สามารถใช้ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมได้ หากผู้ปกครองไม่ใช่มุสลิม
แต่ปฏิบัติอย่างยุติธรรมกับประชาชนทุกคน ไม่กดขี่หรือจำกัดสิทธิของมุสลิม
มุสลิมก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข และยังสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น
ความศรัทธาของมุสลิมไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยอัตลักษณ์ของผู้ปกครอง
แต่ขึ้นอยู่กับหลักการที่ยึดมั่นในความยุติธรรม เสมอภาค และการเคารพในสิทธิมนุษยชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น