เกียรติมลายูเคยรุ่งเรืองด้วยอิสลาม
ไม่ใช่การเชิดชูชาติพันธุ์
แท้จริงแล้ว
พลังความเข้มแข็งของคนมลายู มิได้อยู่ที่ ความเป็นมลายูของเขา
แต่พลังความเข้มแข็งของคนมลายูอยู่ที่การมีอัลเลาะห์เป็นพระเจ้า
มีอิสลามเป็นวิถีชีวิต มีความผูกพันกับอัลเลาะห์ และรอซูลุลลอฮ์อย่างแน่นแฟ้น
จนนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์ในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับ
ชนชาติอาหรับในยุคสมัยของท่านรอซูลุลลอฮ์
จนนำไปสู่การเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่เคยบริหารปกครอง 3/4 ของโลก
พวกเขาทั้งหลาย
ต่างมิได้ต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งการเป็นชนชาติอาหรับแต่อย่างใด แต่พวกเขาได้ทุ่มเทเสียสละต่อสู้
เพื่อการยืนหยัดฟื้นฟูรักษาไว้ ซึ่งกาลีเมาะห์อัลเลาะห์ ยืนหยัดหลักการอิสลาม
จนนำไปสู่การได้รับชัยชนะ ที่สามารถนำพาความสงบสุขปลอดภัย
ความผาสุกร่มเย็นสู่มวลมนุษย์
- ชนชาติตุรกีที่ได้เคยยิ่งใหญ่กลายเป็นอาณาจักรปกครองโลก
ก็มิใช่ว่าพวกเขาจะต่อสู้เพื่อความเป็นตุรกี
แต่พวกเขาต่อสู้เพื่อให้ผู้คนได้รู้จักอัลเลาะห์
ได้รู้จักพระเจ้า ได้รู้จักอิสลาม เสริมสร้างอีมานตักวา จนทำให้ชาวตุรกี
ได้รับการช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองและมีความยิ่งใหญ่ในการบริหารปกครองโลก
ดังนั้น
หากชนชาวมลายูได้ทำการต่อสู้ฟื้นฟูยืนหยัด รักษาไว้ซึ่งอากีดะห์ และชารีอัตอิสลาม
มุ่งมั่นเสริมสร้างอีมานและตักวา
จนกลายเป็นกลุ่มชนที่ให้คุณประโยชน์อย่างมากมายแก่สังคม
ชนชาวมลายูย่อมได้รับการช่วยเหลือและการปกป้องคุ้มครองอย่างแน่นอน
เเต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
มันกลายเป็นเกมส์การเมืองเเละชาติพันธุ์นิยม มิได้ขับเคลื่อนเพื่อฟื้นฟูเเละเชิดชู
เพื่อศาสนาเเต่อย่างใด ศีลธรรมอันบริสุทธิ์เลยเลือนลางเเละถูกย่ำยีในที่สุด ดังที่ท่านซัยยิงดินาอุมัร
บิน คอตตอบ เคยกล่าวไว้ว่า "อัลเลาะห์ได้ยกเกียรติพวกท่านด้วยอิสลาม
เมื่อใดที่ท่านละทิ้งอิสลาม เกียรติของพวกท่านก็จะถูดลดลง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น