วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนใต้
BRN,
NGO แนวร่วม รวมหัวจี้รัฐบาลเร่งการเจรจาพูดคุย รุกหนักเกมการเมือง
เร่งแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 1
ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรค์ใหญ่ขัดขวางการแบ่งแยกดินแดน โดยใช้ พระราชบัญญัติ
ชาติพันธุ์ เป็นใบเบิกทาง
ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง
มิติใหม่ ยากที่จะพบเห็น เมื่อกลุ่มก่อเหตุ ผู้ก่อการร้าย หรืออาชญากร
เป็นฝ่ายต้องการให้มีการเจรจาพูดคุย
ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่า การเจรจาพูดคุย ระหว่าง BRN กับ รัฐบาลไทย นั้นประเทศไทยเรามีแต่เสียกับเสีย ผลประโยชน์
ข้อเรียกร้องต่างๆตกไปยังฝ่าย BRN แม้แต่ข้อเรียกร้องของไทยที่ต้องการให้กลุ่ม
BRN หยุดทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ก็กลับยังไม่ได้รับการตอบรับ
ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้มีการตกลงหยุดยิงกำหนดเดือนรอมฎอนสันติสุข
มีการปล่อยให้ขบวนการได้ประกอบศาสนากิจ อำนวยความสะดวกต่างๆนาๆถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายร่วมมือกันได้อย่างสวยหรู แต่ที่รัฐบาลไทยเหมือนโดนตบหน้านั้น คือ
เมื่อเข้าสู่ช่วงเข้าพรรษา มีการเจรจาขอให้หยุดความรุนแรงเพื่อให้พื้นที่
พี่น้องไทยพุทธได้ประกอบศาสนกิจ
เช่นเดียวกับพี่น้องไทยมุสลิมอย่างเดือนรอมฎอนสันติสุข
แต่สุดท้ายขบวนการกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลับปฏิเสธ ซ้ำยังก่อเหตุหนักขึ้น
รัฐบาลไทยเสมือนถูกหักหลัง
ซึ่งต่อมาเกิดแรงต้านจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพื้นที่เอง นอกพื้นที่ หรือกลุ่มนักวิชาการด้านต่างๆ
ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยต่อกระบวนการพูดคุย
ที่ประเทศไทยเรามีแต่เสียกับเสีย
แต่กลับสนับสนุนให้ใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด รุนแรง รวมไปถึงแนวคิดสนับสนุน
พรบ.ก่อการร้าย ที่คนพื้นที่เรียกร้องมาอย่างยาวนาน
รวมไปถึงเรียกร้องกำหนดโทษประหารชีวิตกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทั่วประเทศจำนวนมาก
แต่กลับมีเพียงกลุ่ม
NGO
และนักการเมืองในพื้นที่ ที่ถูกมองว่าสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน
ยังคงผลักดันให้รัฐบาลไทยเจรจาโดยเร็วที่สุด
และคู่ขนานไปกับการกดดันให้มีการเร่งแก้ไขรับธรรมนูญ
โดยมีเป้าหมายหลักคือการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 รวบไปถึงกลุ่ม
BRN ก่อเหตุในพื้นที่ถี่ขึ้นพร้อมเพียงกันกับการเรียกร้องของฝ่ายการเมือง
ถือได้ว่าทำงานได้อย่างประสานสอดคล้องกันอย่างลงตัว เป็นขบวนการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น