🐟🐟ปลากือเลาะห์ ขุนทรัพย์เศรษฐกิจของยะลา
ปลากือเลาะห์
หรือ ปลาพลวงชมพู เป็นหนึ่งในตระกูลปลาพลวงที่จะสร้างรายได้ให้กับชาวเบตง
ภายใต้นโยบาย 3 เหลี่ยมเศรษฐกิจภาคใต้ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
แม้จะใช้เวลาในการเลี้ยงถึง 2 ปี จนได้ขนาดและราคากิโลกรัมละกว่า 3,000 บาท
ปัจจุบันปลากือเลาะห์
หรือปลาพลวงชมพู ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียและไต้หวัน
โดยขนาดตัวที่หนัก 1 กิโลกรัม จะขายได้กิโลกรัมละ 3,500 บาท
ซึ่งหากนำไปขายที่ประเทศมาเลเซีย ราคาจะเพิ่มเป็นเท่าตัวอยู่ที่กิโลกรัมละ 7,000
บาท และหากส่งไปที่ประเทศไต้หวันราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละ 10,000 บาทเลยทีเดียว
สาเหตุที่ปลาชนิดนี้มีราคาแพง เนื่องจากเป็นปลาที่มีรสชาติดี เนื้อนุ่มอร่อย
เหมือนปลาสำลีและหารับประทานได้ยาก
ซึ่งจุดเด่นของปลากือเลาะห์ที่บางคนอาจยังไม่ทราบ
คือปลาชนิดนี้สามารถกินได้ทั้งเกล็ด โดยในเกล็ดปลายังมีคอลลาเจนสูง
สำหรับปลาพลวงชมพู
เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน รูปร่างคล้ายปลาเวียน
แต่ลำตัวเพรียวและเป็นทรงกระบอกมากกว่า ส่วนหัวค่อนข้างมน
ริมฝีปากหนาปากกว้างเล็กน้อย ใต้คางมีติ่งเนื้อสั้น มีหนวด 2 คู่เห็นชัดเจน
ตาอยู่ค่อนไปทางด้านบนหัว เกล็ดมีขนาดใหญ่ ครีบหลังมีก้านแข็ง 1 อัน
ครีบหางเว้าลึก ครีบก้นสั้น ลำตัวด้านบนมีสีคล้ำอมน้ำตาล
ด้านข้างลำตัวสีเงินเหลือบชมพูหรือทอง ครีบสีคล้ำ ด้านท้องสีขาว
มีขนาดความยาวประมาณ 25 ซม. ใหญ่สุดที่พบขนาด 35 ซม.
อาศัยอยู่ในลำธารหรือแม่น้ำที่มีฝั่งเป็นป่าครึ้มรวมถึงบริเวณน้ำตก #พบเฉพาะภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย
ตั้งแต่แม่น้ำตาปีไปจนถึงมาเลเซีย
พบมากที่น้ำตกฮาลา-บาลาภายในอุทยานแห่งชาติฮาลา-บาลา จังหวัดยะลา
เป็นปลาที่มีรสชาติดีขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา
นับเป็นปลาที่มีราคาแพงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.🚩🚩พิกัด บ่อปลาของเกษตรกร
ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น