เมื่อ
9 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า
ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน
191, 1599
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์
กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ
และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด
สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน
อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
และ อาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ให้กับประชาชน
ทั้งนี้
ตร.จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วงๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน
และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง
เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย
สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน
จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน
แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม
ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้
นอกจากนี้
จะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธ
ปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย
ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง
ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้
บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม
หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเตอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่
และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก
ขณะเดียวกัน
จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข
แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กำหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ
สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ
ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก
อาวุธผิดกฎหมาย่ตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ
"ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการ ในเรื่องนี้
ทั้งในระดับสถานี, กองบังคับการ และกองบัญชาการ
เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน
วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด"
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุ
ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก
จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข
เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่
รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด
การฟอกเงิน ต่อผู้กระทำผิดทุกราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์
กล่าวว่า นอกจากมิติการป้องกันแล้ว ตร.จะนำผู้เสพมาเข้ารับการบําบัด
โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ จะมีการสุ่มตรวจตามวงรอบ
มีการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนอย่างต่อเนื่อง ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตประสาทในพื้นที่
จัดททำฐานข้อมูลเพื่อพิจารณาจัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนําเข้าบำบัดรักษา
และค้นหาและนําผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบําบัดโดยสมัครใจโดยเร็ว
"ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงไปขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้สั่งการลงไป
รวมทั้งจัดทำโครงการ "ตำรวจสีขาว" สุ่มตรวจปัสสาวะตำรวจทุกนาย ติดตาม
ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติ
ของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด
หากพบการกระทำ ความผิดจะต้องดำเนินการทางกฎหมาย ทางวินัย และการปกครองอย่างเด็ดขาดทุกราย
และจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานและนำมาใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในวาระที่จะถึงนี้ด้วย"
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์
กล่าวด้วยว่า หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส ความผิดเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด
อาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม.
ทั้งนี้ ข้อมูลในการแจ้งจะปิดเป็นความลับ
และจะมีเงินสินบนรางวัลให้กับผู้แจ้งในกรณีที่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น