วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565

1 ตุลาคม วันกาแฟสากล เครื่องดื่มโลกอิสลามสู่วัฒนธรรมท้องถิ่น

คิดถึงกาแฟอุ่นๆ ที่คุณดื่มเมื่อเช้านี้ มันมาจากไหน ? ประชาชนทั่วไปจะตอบว่า มาจากอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่แท้จริงแล้วกาแฟดื่มครั้งแรก ในประเทศเยเมน

ความนิยมของกาแฟ ขยายอิทธิพลในโลกตะวันตก จุดกำเนิดก็คือเมล็ดกาแฟ ถูกต้มเพื่อดื่มครั้งแรกในเยเมนในศตวรรษที่ 9 เครื่องดื่มชูกำลังจากธรรมชาตินี้ มักดื่มในชาวแสวงบุญมุสลิม(Sufis) ดื่ม เพื่อตื่นตัว เมื่อสวดมนต์ตอนกลางคืน

ต่อมา กลุ่มนักปราชญ์นำกาแฟมาที่กรุงไคโร และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในราชอาณาจักร จากนั้น ความนิยมของกาแฟก็แพร่กระจายไปยังตุรกี ในศตวรรษที่ 13 และไปยังยุโรปในศตวรรษที่ 16 ด้วยพ่อค้าชาวเวนิสที่นำกาแฟมาที่อิตาลี

ในช่วงยุคกลางของยุโรป เครื่องดื่มที่เลือกคือแอลกอฮอล์ ในฝรั่งเศสและภูมิภาคที่ปลูกองุ่นอื่น ๆ ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีอิทธิพลมากที่สุด ในขณะที่เบียร์และเบียร์ขาว เป็นที่นิยมมากกว่าทางตอนเหนือ การดื่มน้ำนั้น หายากจริงๆ เพราะเชื่อกันว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นสะอาดกว่าน้ำ และเติมได้มากกว่า ผลของความเชื่อนี้คือความมึนเมาอย่างต่อเนื่อง ในหมู่ประชากรยุโรป

ในเยเมนในช่วงกลางทศวรรษ 1400 เครื่องดื่มชนิดใหม่ ที่ทำจากเมล็ดกาแฟเริ่มเป็นที่นิยมอย่างมาก ชาวเยเมนกำลังคั่วและต้มเมล็ดกาแฟในน้ำ เพื่อผลิตเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายมีพลังงานมากขึ้นและให้สมองคิดได้ชัดเจนขึ้น

ตลอดช่วงทศวรรษ 1400 และ 1500 กาแฟได้แพร่กระจายไปทั่วโลกมุสลิม และร้านกาแฟก็เริ่มปรากฏขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ร้านกาแฟเหล่านี้ กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนเมือง ที่ซึ่งผู้คนมาพบกันเพื่อสังสรรค์และเพลิดเพลิน

ร้านกาแฟและวัฒนธรรมการจิบกาแฟ(kahve) ที่เริ่มต้นขึ้นในจักรรวรรดิออตโตมัน ได้แพร่หลายในยุโรปและสถานที่แห่งอื่นๆทั่วโลก สุขสันต์วันกาแฟโลก ราวศริสต์ศตวรรษ ที่ 17 ร้านกาแฟ จึงเริ่มเป็นที่นิยมในทวีปยุโรป หลังจากชาวยุโรปเริ่มรู้จักดื่มกาแฟ โดยร้านกาแฟแรกของลอนดอนเปิดขึ้นในปี ค.ศ.1652 และกลายเป็นแหล่งนัดพบของคนในวงกว้างขึ้น ตั้งแต่พ่อค้า นักปราชญ์, นักปฏิวัติ, นักวิชาการและนักประพันธ์ ซึ่งบันทึกของผู้มาเยือนชาวฝรั่งเศส

สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เรามีภาพความจดจำ ถึงความเงียบเหงา กับเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่หากใครได้มีโอกาสเดินทางมาที่พื้นที่แห่งนี้แล้ว เราก็จะค้นพบว่า วิถีชีวิตผู้คนยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ตามอย่างปกติ ออกไปจ่ายตลาดทุก ๆ วัน ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ หรือไปดริปกาแฟทำกิจกรรมตั้งแคมป์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้ไปนั่งพูดคุยกันที่ร้านน้ำชา เป็นสถานที่ผ่อนคลาย ร่วมสนทนา พบปะพูดคุย สังสรรค์ กลุ่มคนทุกบริบท เป็นพื้นที่สำหรับคนทุกกลุ่มทุกวัย

ถ้าจะมีที่ไหนที่รวมตัวผู้คน และบทสนทนาได้มากขนาดนี้ ก็คงมีแค่ร้านน้ำชา นี่แหละ

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความไม่สงบ ที่ยังดำเนินอยู่และกระบวนการสันติภาพที่กำลังก่อตัว การมีสถานที่ให้คนในพื้นที่ได้สังสรรค์ และร่วมสนทนาในบรรยากาศที่รื่นรมย์ พร้อมลิ้มรสกาแฟหรือน้ำชาหอมๆ จึงอาจเป็นดั่งสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อันดีของผู้คน ในพื้นที่แห่งความขัดแย้งแห่งนี้.

สุขสันต์วันกาแฟสากล...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น