จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ
31 ส.ค. 2565 และปรากฏเป็นข่าวในสื่อโซเซียลติดแฮตแทก Saveอนัส กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวเยาวชนที่แต่งกายด้วยชุดมลายู
ขณะที่ภาคประชาสังคมพยายามบิดเบือนกล่าวหาว่าการควบคุมตัวครั้งนี้
เป็นการบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพ
มุ่งการปิดปากผู้คนที่ใช้สันติวิธีในการเคลื่อนไหวต่อสู้
ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
3 ฝ่าย ที่ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมบุคคล ตามหมายจับ ป.วิอาญา พร้อมพวก
ซึ่งได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวของคนร้าย เตรียมก่อเหตุในเขตเมืองยะลา
และได้เข้ามาหลบซ่อนพักพิงอยู่ที่บ้านเช่า ภายในซอยสิโรรส 14 เขตตลาดเก่า ต.สะเตง
อ.เมือง จ.ยะลา การปฏิบัติดังกล่าว เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน
จากการก่อเหตุของคนร้าย
จึงได้สนธิกำลัง
เข้าตรวจสอบ เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาได้ไหวตัวทันและหลบหนีไปได้
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐานพร้อมตรวจสอบบ้านเช่าที่อยู่ติดกัน
และได้เชิญตัวบุคคลภายในบ้าน ทราบชื่อภายหลัง คือนายอานัส ดือเระ มาสอบถามข้อมูล ณ
ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง ศปก.ตร.สน. เมื่อเวลา 09.00 น. โดยมีประธานชุมชน ร่วมรับฟังการสอบถามและเป็นสักขีพยาน
และได้ปล่อยตัวกลับในเวลา 10.00 น. โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
จากการดำเนินการดังกล่าว
จึงเห็นได้ว่าเป็นเพียงการเชิญมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายเท่านั้น
โดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการแสดงออกในเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมมลายู ของกลุ่มเยาวชนในห้วงที่ผ่านมา
ดังที่ได้พยายามกล่าวอ้างบิดเบือน
ทั้งนี้เพราะการแสดงออกเชิงอัตลักษณ์
เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ของปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติศาสนาที่สามารถแสดงออกได้
ตราบใดที่ไม่ได้ละเมิดต่อหลักกฎหมาย หรือมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงที่ทำให้กิจกรรมผิดเพี้ยนไปดังหลักฐานที่ปรากฏ
ให้เห็นในห้วงที่ผ่านๆมา
การที่มีบางสื่อออกมาโจมตีว่า
จับกุมตัวเพียงแต่งกายชุดมลายูถิ่น หรือเพื่อปิดปาก จึงไม่เป็นความจริง
แต่กลุ่มคนที่กล่าวหาเช่นนี้เพื่อต้องการสร้างความเกลียดชังรัฐ
หาว่าทำลายอัตลักษณ์วัฒนธรรมมลายู รังแกคุกคามเยาวชนนักจัดกิจกรรม
ชี้นำให้สังคมเข้าใจไปในทางที่ผิด
ชาวบ้านสงสัย
ทำไมนายอนัสฯ ถึงไปอยู่ในบ้านหลังนั้น มีการรู้เห็นกับคนร้ายหรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น