วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จัดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่!

 

🐘🐘#จัดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่! 

ขบวนแห่ช้างสะท้อนวิถีชีวิต–วัฒนธรรม งาน“มหกรรมต้อนรับปีใหม่อิสลามจังหวัดยะลา ครั้งที่ 3

มหกรรมต้อนรับปีใหม่อิสลาม ครั้งที่ 3 ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1444” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา และภาคีเครือข่าย โดยมุ่งเน้น ทำให้คนในสังคมเกิดความรักและตระหนักถึงคุณค่า วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่อดีต ยังคงสืบต่อในสังคมอย่างยั่งยืน

ได้เริ่มต้นแล้วด้วยขบวนพาเหรดช้าง 3 เชือก ขบวนแห่วัฒนธรรม ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อย่างสวยงามตระการตา ที่แสดงให้เห็นถึงประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวมุสลิม ในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมในขบวนแห่กว่า 5,000 คน ออกจากบริเวณหน้าปั้มเชลล์ถนนสายท่าสาป-บ้านเนียง อ.เมืองยะลา เคลื่อนขบวนแห่ไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา โดยตลอดสองข้างทางมีประชาชน ร่วมชมขบวนแห่จำนวนมาก

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ มี ดร.หะยีสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดกิจกรรม นายรอมชี ดอฆอ ประธานโครงการฯ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา นายเด่น โต๊ะมีนา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอำนาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ผู้แทนกงสุลใหญ่มาเลเชีย จังหวัดสงขลา นายมุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา ผู้แทนนายกเทศมนตรีเทศบาลท่าสาป พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมคณะ ส.ส.ในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ภายในงาน นอกจากจะมีเดินขบวนพาเหรดจากมาเลเซีย อินโดนีเซียแล้ว ยังมีการแข่งขันอาซูรอ การละเล่นท้องถิ่น การเปิดร้านขายของจากร้านค้าในชุมชน การแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์อิสลามและชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้ง กิจกรรมภาคเวที ซึ่งจะมีการบรรยายศาสนา การเสวนาประเด็นทางสังคมโดยนักวิชาการ การประกวดทางวิชาการ เช่น การแลกเปลี่ยนประเด็นศาสนา และการกล่าวปาฐกถาธรรม จากในประเทศและต่างประเทศ” โดยงานกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคม 25 65 ที่บริเวณสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา

นายรอมชี ดอฆอ ประธานโครงการมหกรรมต้อนรับปีใหม่อิสลาม ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1444 กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการในครั้งนี้ ก็เพื่อต้อนรับปีใหม่อิสลามและสร้างความตระหนักในคุณค่า ศีลธรรมอันดีของอิสลาม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีและความเป็นเอกภาพของคนในสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้  เพื่อเปิดมุมมองโลกทัศน์วัฒนธรรมในพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ ไปสู่สังคมภายนอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น