สถานการณ์ไฟใต้ที่เริ่มก่อตัวเมื่อ
18 ปีที่แล้ว มาถึงวันนี้หลายๆ
ฝ่ายต่างยืนยันว่าเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น
บ่งบอกถึงความขัดแย้งที่ซ่อนเงื่อนมาหลายสิบปีเริ่มคลี่คลาย
เสมือนหนึ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ประจวบเหมาะกับการทุ่มเททั้งกำลังคนจัดกระบวนทัพดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
การอนุมัติงบประมาณผ่านแผนงานและโครงการต่างๆ ของรัฐบาล
เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี
ควบคู่กับการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของ กอ.รมน.ภาค 4
ส่วนหน้าซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมและได้รับการตอบรับโดยเฉพาะโครงการพาคนกลับบ้านมีผู้เห็นต่างรายงานตัวแสดงตนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
อะไรคือตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ไฟใต้ดีขึ้น
หากย้อนไปดูสถิติการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงในแต่ละเดือน รายไตรมาส หรือในรายปี
พบว่าเมื่อเปรียบเทียบสถิติการก่อเหตุ ซึ่งเป็นปัจจัยนำไปสู่การสูญเสีย
สถิติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บลดลงอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะการก่อเหตุในห้วงเดือนรอมฎอน เดือนแห่งบุญของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่หลายๆ
หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเป็นห่วงสถานการณ์
เนื่องจากมีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาของกลุ่มผู้คิดต่าง
มีการปลุกระดมให้สมาชิกทำการก่อเหตุ
เข่นฆ่าผู้คนแล้วได้บุญหลายเท่ามากกว่าในห้วงเวลาปกติแต่สถิตอกลับลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ในขณะที่มีผู้เห็นต่างจำนวนมากทยอยเข้ารายงานตัวแสดงตนต่อแม่ทัพภาคที่
4 เพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน แต่กลับมีสมาชิกบางส่วนที่ยังคงทำการก่อเหตุในพื้นที่
เนื่องจากความเชื่อผิดๆ ที่ได้รับการปลูกฝังมา ทำการเข่นฆ่าคนต่างศาสนา
หรือแม้กระทั่งพี่น้องผู้นับถือศาสนาเดียวกัน กระทำต่อเด็ก สตรีและคนชรา
เพื่อต้องการแสดงความมีตัวตนและคงสถานการณ์ความรุนแรงไว้ เจ้าหน้าที่รัฐต้องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี
หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง
บังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมผู้มีหมายจับเพื่อนำตัวมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย
สิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้นคือความสูญเสียไม่ว่าต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เมื่อ 19 ก.ค.65 ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษา
คดีหมายเลขดำเลขที่ อ.728/64โดยมี
นายอิลฮัม สุหลง เป็นจำเลย ความผิดฐานก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อชีวิต
พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิดฯ จากเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณตู้ ATM
หลายจุด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ 20
พ.ค.61
โดย
ศาลชั้นต้น พิพากษา “จำคุกตลอดชีวิต”
เนื่องจากศาลชั้นต้นเชื่อผลของชั้นสอบสวน ที่นายมะยูโซะ มะแซ(ผู้ร่วมก่อเหตุ)
ที่ให้การซัดทอดและสอดคล้องตรงกันในละเอียดของการก่อเหตุ
รวมทั้งกล้องวงจรปิดจากตู้ ATM สามารถจับภาพในการก่อเหตุไว้ได้
พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้โดยปราศจากความสงสัยและเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมก่อเหตุในคดีนี้จริงตามฟ้อง
จุดจบของโจรใต้
ไม่ตายก็ติดคุก หรือไม่ก็หลบหนีไปอาศัยยังประเทศเพื่อนบ้าน
ไม่มีโอกาสกลับมาดูแลครอบครัว
ลูกเมียต้องอยู่ตามลำพังผู้ที่กำลังหลบหนีอยู่มีจำนวนไม่น้อยต้องอยู่อย่างยากลำบาก
อาศัยหลับนอนในป่าภูเขา ขาดอาหาร ขาดยารักษาโรค
เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สามารถไปโรงพยาบาลทำการรักษาได้ เพราะเกรงกลัวเจ้าหน้าที่จับกุม
นั่นคือสิ่งที่ผู้เห็นต่างเลือกทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐได้เปิดช่องทาง
เปิดโอกาสให้แสดงตน พิสูจน์ตัวเอง และกลับมาต่อสู้คดีในชั้นศาลแต่กลับไม่เลือก
ไม่เห็นแก่ครอบครัวลูกเมีย สุดท้ายได้อะไร? นอกจากความตายที่ไม่อาจฟื้นคืนชีพ
ต่างกับแกนนำอยู่สุขสบายในต่างแดนคอยสั่งการในห้องแอร์
ครอบครัวผู้หลงผิดกลับอยู่อย่างแร้นแค้นนี่คือความจริงที่หลายคนรู้ดี..
จึงได้ออกมามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกับโครงการพาคนกลับบ้าน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น