คืบหน้าเหตุยิงปะทะกลุ่มติดอาวุธบนเขาสาวอ
อ.รือเสาะ นราธิวาส พบแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ
“ซุลกิฟลี มะสาแมง” ผู้ต้องหาตามหมายจับบึ้มกรุงปี 62 พร้อมยึดอาวุธสงคราม
ระเบิดแสวงเครื่อง อุปกรณ์ยังชีพในป่าเพียบ เผยจุดปะทะเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มติดอาวุธในรือเสาะ
ญาติผู้เสียชีวิตรอไม่ไหว ฮือฝ่าด่านเจ้าหน้าที่หวังรีบนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
ความคืบหน้าเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธ
ในป่าบนภูเขาสาวอ ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวันพุธที่
6 ก.ค.65 เบื้องต้นมีข่าวกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 1 ราย
และเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังไล่ล่ากลุ่มติดอาวุธที่เหลือนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา
09.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 65 พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รองผบช.ภ. 9) พร้อมด้วย พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง
รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม
ผบ.กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้, พ.อ.สิทธิชัย
บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จังหวัดนราธิวาส (ผบ.นปพ.ร่วม
จ.นราธิวาส) และเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้สนธิกำลัง
พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด(อีโอดี)
กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และ
ร.ต.อ.ดนัย ยังอภัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จุดปะทะอยู่บนเทือกเขาเขตรอยต่อระหว่างบ้านสาวอฮีเล
หมุ่ 6 ต.สาวอ กับ บ้านบือเล็ง หมู่ 4 ต.สุวารี อ.รือเสาะ
เหตุปะทะเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 6 ก.ค. และมีรายงานกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิต 1
ราย แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและเคลียร์พื้นที่ได้ทันที
เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องจนพลบค่ำ
สำหรับการเดินทางของเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุ
ต้องเดินเท้าลัดเลาะป่ารกทึบและสูงชัน เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร
โดยไม่อนุญาตให้สื่อทุกแขนงและผู้ไม่เกี่ยวข้องร่วมเดินตามคณะเข้าไป
ทีมข่าวได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวในชุดตรวจที่เกิดเหตุว่า
จุดปะทะถือว่าเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ อ.รือเสาะ
ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ อาทิ เต็นท์ที่พัก 10 หลัง
โรงครัวปรุงอาหาร 1 หลัง อาวุธปืน HK33 จำนวน 1 กระบอก
อาวุธปืน M4 ติดเครื่องยิงลูกระเบิด จำนวน 1 กระบอก
อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 3 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง
และระเบิดแสวงเครื่องนานาชนิด รวมทั้งเสื้อผ้า ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ยังชีพในป่า
พบศพเพิ่มเป็น
2 “ซุลกิฟลี มะสาแมง” สิ้นชื่อ
เมื่อไปถึงจุดปะทะ
มีรายงานจากชุดตรวจที่เกิดเหตุว่า กลุ่มติดอาวุธที่เสียชีวิตมีจำนวน 2 ราย
จากการพิสูจน์ทราบด้านอัตลักษณ์ตัวบุคคล ทราบชื่อคือ
1.นายซุลกิฟลี
มะสาแมง อายุ 41 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแกนนำ มีหมายจับ 3 หมาย
หนึ่งในนั้นคือเหตุลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ส.ค. ปี 62
2.นายอาแดร์
เจ๊ะมุ อายุ 28 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บาเจาะ
จ.นราธิวาส มีหมายจับ 2 หมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงศพผู้เสียชีวิตทั้ง
2 รายออกมาที่บริเวณเชิงเขา หลังจากเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ และวัตถุพยานต่างๆ
เรียบร้อยแล้ว และได้ประสานรถพยาบาลของศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้
นำศพไปยังโรงพยาบาลรือเสาะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
ก่อนจะมอบให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
“ซุลกิฟลี”
มีหมายจับบึ้มป่วนกรุง
จากเหตุยิงปะทะและวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในครั้งนี้
ทำให้ผู้ต้องหาตามหมายจับในเหตุการณ์ลอบวางระเบิดกลางกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ส.ค.ปี
62 เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายซุลกิฟลี มะสาแมง
ทำให้สถานะหมายจับในคดีดังกล่าวทั้ง 21 ราย ล่าสุดถูกวิสามัญฆาตกรรมรวมทั้งหมด 4
ราย ส่วนที่ถูกจับกุมได้มีทั้งหมด 4 ราย
ยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนีอยู่อีก 13 ราย
ฮือฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ขึ้นเขาสาวอ
หวังรีบนำศพประกอบพิธี
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
ตรวจที่เกิดเหตุ และลำเลียงศพผู้เสียชีวิตลงมาจากภูเขานั้น
เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ
เพื่อกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย
เพราะมีวัตถุระเบิดและอาวุธชนิดต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก
ปรากฏว่ามีชาวบ้านและญาติผู้ตายจำนวนมากมารวมตัวกัน
เพื่อรอรับศพ และพยายามฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นเขาไปรับศพด้วยตัวเอง
เนื่องจากต้องการนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา จนมีภาพชาวบ้านผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 100 คน
ฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นเขาสาวอ
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น