วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

สิ้นชื่อ! ผกร.เขาสาวอ อ.รือเสาะ “ซุลกิฟลี มะสาแมง” มือบึ้มป่วนกรุง เมื่อปี 62

 

คืบหน้าเหตุยิงปะทะกลุ่มติดอาวุธบนเขาสาวอ อ.รือเสาะ นราธิวาส พบแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ “ซุลกิฟลี มะสาแมง” ผู้ต้องหาตามหมายจับบึ้มกรุงปี 62 พร้อมยึดอาวุธสงคราม ระเบิดแสวงเครื่อง อุปกรณ์ยังชีพในป่าเพียบ เผยจุดปะทะเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มติดอาวุธในรือเสาะ ญาติผู้เสียชีวิตรอไม่ไหว ฮือฝ่าด่านเจ้าหน้าที่หวังรีบนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

ความคืบหน้าเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธ ในป่าบนภูเขาสาวอ ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวันพุธที่ 6 ก.ค.65 เบื้องต้นมีข่าวกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังไล่ล่ากลุ่มติดอาวุธที่เหลือนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 65 พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รองผบช.ภ. 9) พร้อมด้วย พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้, พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จังหวัดนราธิวาส (ผบ.นปพ.ร่วม จ.นราธิวาส) และเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้สนธิกำลัง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด(อีโอดี) กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และ ร.ต.อ.ดนัย ยังอภัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จุดปะทะอยู่บนเทือกเขาเขตรอยต่อระหว่างบ้านสาวอฮีเล หมุ่ 6 ต.สาวอ กับ บ้านบือเล็ง หมู่ 4 ต.สุวารี อ.รือเสาะ เหตุปะทะเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 6 ก.ค. และมีรายงานกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิต 1 ราย แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและเคลียร์พื้นที่ได้ทันที เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องจนพลบค่ำ

สำหรับการเดินทางของเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ต้องเดินเท้าลัดเลาะป่ารกทึบและสูงชัน เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยไม่อนุญาตให้สื่อทุกแขนงและผู้ไม่เกี่ยวข้องร่วมเดินตามคณะเข้าไป

ทีมข่าวได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวในชุดตรวจที่เกิดเหตุว่า จุดปะทะถือว่าเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ อ.รือเสาะ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ อาทิ เต็นท์ที่พัก 10 หลัง โรงครัวปรุงอาหาร 1 หลัง อาวุธปืน HK33 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืน M4 ติดเครื่องยิงลูกระเบิด จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 3 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และระเบิดแสวงเครื่องนานาชนิด รวมทั้งเสื้อผ้า ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ยังชีพในป่า

พบศพเพิ่มเป็น 2 “ซุลกิฟลี มะสาแมง” สิ้นชื่อ

เมื่อไปถึงจุดปะทะ มีรายงานจากชุดตรวจที่เกิดเหตุว่า กลุ่มติดอาวุธที่เสียชีวิตมีจำนวน 2 ราย จากการพิสูจน์ทราบด้านอัตลักษณ์ตัวบุคคล ทราบชื่อคือ

1.นายซุลกิฟลี มะสาแมง อายุ 41 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแกนนำ มีหมายจับ 3 หมาย หนึ่งในนั้นคือเหตุลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ส.ค. ปี 62

2.นายอาแดร์ เจ๊ะมุ อายุ 28 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ 2 หมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายออกมาที่บริเวณเชิงเขา หลังจากเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ และวัตถุพยานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว และได้ประสานรถพยาบาลของศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำศพไปยังโรงพยาบาลรือเสาะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะมอบให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

“ซุลกิฟลี” มีหมายจับบึ้มป่วนกรุง

จากเหตุยิงปะทะและวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในครั้งนี้ ทำให้ผู้ต้องหาตามหมายจับในเหตุการณ์ลอบวางระเบิดกลางกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ส.ค.ปี 62 เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายซุลกิฟลี มะสาแมง ทำให้สถานะหมายจับในคดีดังกล่าวทั้ง 21 ราย ล่าสุดถูกวิสามัญฆาตกรรมรวมทั้งหมด 4 ราย ส่วนที่ถูกจับกุมได้มีทั้งหมด 4 ราย ยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนีอยู่อีก 13 ราย

ฮือฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ขึ้นเขาสาวอ หวังรีบนำศพประกอบพิธี

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ตรวจที่เกิดเหตุ และลำเลียงศพผู้เสียชีวิตลงมาจากภูเขานั้น เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย เพราะมีวัตถุระเบิดและอาวุธชนิดต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก

ปรากฏว่ามีชาวบ้านและญาติผู้ตายจำนวนมากมารวมตัวกัน เพื่อรอรับศพ และพยายามฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นเขาไปรับศพด้วยตัวเอง เนื่องจากต้องการนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา จนมีภาพชาวบ้านผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 100 คน ฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นเขาสาวอ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น