วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

ดินแดนพหุวัฒนธรรมไทย พุทธ และมุสลิม

 

🌺 จังหวัดปัตตานีมักถูกขนานนามว่าเป็น #ดินแดนพหุวัฒนธรรม นั้นเป็นเพราะว่า มีกลุ่มคนที่อยู่อาศัยหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ทั้งไทย - พุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ความแตกต่างเหล่านี้นี่เองที่เป็นที่มาของ #เรื่องเล่าจากคนแดนไกลถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

👩โดยคนเล่าชื่อ พี่ตะวัน เป็นไกด์ชาวนครศรีธรรมราช เธอและคณะลูกทัวร์เคยพากันมาที่หมู่บ้าน คลองมานิง ที่มีกลุ่มแม่บ้านชาวมุสลิม ประกอบอาชีพทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ เล่าว่า “หลงรักปัตตานี เลยสัญญากับตัวเอง จะต้องมาที่ปัตตานีปีละหนึ่งครั้งให้ได้”

และที่นี้ #แตกต่างแต่ไม่แตกแยก มิใช่วาทกรรม แต่ได้ผุดขึ้น และงอกงามในวัฒนธรรมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังเห็นได้จากความมีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่เกี่ยงศาสนา #ภาพเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เห็นมากับตา เมื่อครั้งที่ได้มาเที่ยว เกิดอุทกภัยที่จังหวัดยะลา เขื่อนบางลางรับน้ำไม่ไหวต้องระบายออก น้ำได้ไหลเข้าท่วมในตัวเมืองปัตตานี อุทกภัยนี้หากมองในแง่ร้ายจะเห็นเพียงความสูญเสีย แต่ในแง่ของความเอื้ออาทรเราจะเห็นจากเหตุการณ์นี้ได้ทันที ภาพทหารที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และหยิบยื่นข้าวของยังชีพในภาวะวิกฤตน้ำท่วม ภาพนักศึกษาหญิงชาวมุสลิมไปช่วยแจกถุงยังชีพให้กับชาวบ้านชุมชน ไทย – พุทธ ภาพเหล่านี้ประทับตรึงใจข้าพเจ้า ทั้งความรักและความสามัคคีปรองดอง ดังคำกล่าวที่ว่า “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” เพราะเรายืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยผืนเดียวกัน ฉะนั้นแล้วสิ่งที่มีคุณค่าและล้ำค่าที่สุดคือความเป็นคนไทย ที่สะท้อนผ่านความดี ความรัก และความสามัคคีปรองดอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น