การหลั่งเลือดและชีวิตผู้บริสุทธิ์
เป็นความผิดมหันต์ในอิสลาม
ผู้ที่จะกระทำเยี่ยงนี้ได้
ย่อมมิใช่มุญาฮิด หรือผู้ที่ต่อสู้ ในวิถีทางแห่งอิสลาม
หากเป็นเพียงฆาตกรเลือดเย็น "ด้วยเหตุ
(แห่งการฆ่ากันระหว่างมนุษย์ที่นำมาแต่ความหายนะ) ดังกล่าว เรา(อัลลอฮ์)
จึงได้กำหนดแก่ลูกหลานอิสรออีลว่า
ผู้ใดที่ฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิชอบด้วยเหตุของการคร่าชีวิตผู้อื่น
และไม่ใช่ด้วยเหตุของการก่อความเสียหายใดๆบนแผ่นดิน นั่นเสมือนว่า
เขาได้ฆ่าผู้คนทั้งหมดแล้ว และผู้ใดที่ให้ชีวิต
(แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง)นั่นเสมือนว่าเขาได้ให้ชีวิตแก่ผู้คนทั้งหมดแล้ว"(อัล-กุรอาน
บทที่ ๕ วรรค ๓๒)
อิบนุ อับบาส สาวกคนหนึ่งของศาสดามุฮำมัด
อธิบายว่า ผู้ใดที่ฆ่าชีวิตหนึ่งที่อัลลอฮ์ห้ามไม่ให้ฆ่า
ก็เท่ากับเขาได้ฆ่าผู้คนทั้งหมด ส่วนความหมายของการให้ชีวิตนั้น คือ
การไม่ฆ่าชีวิตที่อัลลอฮ์ห้ามไม่ให้ฆ่า ไม่ว่าเขาจะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม
การหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม
การฆ่าจะได้รับการอนุมัติก็ต่อเมื่อได้ผ่านกระบวนการพิจารณาพิพากษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
ยกเว้นฆาตกรหรือข้าศึก
"และผู้ใดที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา
แน่นอนผลตอบแทนของเขา คือการทรมานในขุมนรกตลอดกาล และอัลลอฮ์ทรงพิโรธ สาปแช่งเขา
และพระองค์เตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษที่ใหญ่หลวง" (อัล-กุรอาน บทที่
๔ วรรค ๙๓)
ท่านอับบาส กล่าวว่า ไม่มีการอภัยโทษจากอัลลอฮ์แก่ผู้ที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา
ไม่เพียงการฆ่าผู้อื่นโดยไร้เหตุผลเท่านั้น อิสลามยังห้ามฆ่าผู้ปฏิเสธที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญาแห่งรัฐอิสลามด้วย
การฆ่าผู้บริสุทธิ์ในห้วงเดือนรอมฎอน
จึงเป็นเพียงฆาตกรรมอำพราง ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจว่า เป็นความขัดแย้งเรื่องศาสนา
และยั่วยุ ให้ตกลงไปในหลุมพรางเท่านั้น
“รอมฎอน”เดือนแห่งความบริสุทธิ์
เดือนแห่งความดีงาม มุสลิมเราทุกคนปฏิบัติศาสนกิจในเดือน “รอมฎอน” นี้อย่างเคร่งครัด
ตามบทบัญญัติของศาสดา ดังนั้นในเดือนรอมฎอน จึงไม่ควรที่จะมีการทำร้ายทุกรูปแบบ
และเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เกิดขึ้น เพื่อความสงบสุข และสันติภาพในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้บ้านเรา
เพราะอิสลามไขว่คว้าสันติภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม และความยุติธรรม #อินชาอัลลอฮฺ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น