วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2565

พิธีศพของศาสนาอิสลาม ความเชื่อ ข้อปฏิบัติและขั้นตอนการทำพิธีศพอย่างเรียบง่าย

พิธีศพของศาสนาอิสลาม ความเชื่อ ข้อปฏิบัติและขั้นตอนการทำพิธีศพอย่างเรียบง่าย

หากพูดถึงเรื่องราวชีวิตหลังความตาย ในแต่ละศาสนาก็จะมาพร้อมคำสอนที่แตกต่างกันไป สำหรับศาสนาอิสลามแล้ว เรื่องของความตาย ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตแต่อย่างใด หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวไปสู่การใช้ชีวิตที่แท้จริง โดยชาวมุสลิมทั้งหลายมาพร้อมความเชื่อตามหลักคำสอนว่า เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์สละร่างกายตนไปในภพนี้ วิญญาณทุกดวงที่ล่องลอยออกจากร่างก็จะไปรวมตัวกันอยู่ในโลกที่คั่นกลางระหว่างภพนี้และภพหน้า โดยทุกชีวิตที่ได้เผชิญหน้ากับความตายจะมีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมาเพื่อฟังคำตัดสินจากผู้กำหนดโชคชะตาว่า วิญญาณของพวกเขาจะไปลงเอยที่ใด จะใช้ชีวิตหลังโลกนี้ด้วยความสุขสบายอยู่บนสรวงวรรค์ หรือทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดด้วยการลงทัณฑ์จากบาปกรรมที่ทำมา

เนื่องด้วยคำสอนและความเชื่อดังกล่าวที่ชาวมุสลิม หรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามยึดถือกันมาช้านาน ทำให้พิธีศพของผู้คนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาอิสลามมีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนยุ่งยากเท่าพิธีของชาวพุทธหรือชาวจีน ซึ่งการทำพิธีที่ไม่ซับซ้อนนี้ถือเป็นหนทางที่ชาวมุสลิมจะได้ใกล้ชิดกับโลกคั่นกลางมากที่สุด 

ขั้นตอนการจัดพิธีศพโดยทั่วไปของคนอิสลาม

โดยทั่วไปแล้วการจัดงานศพของคนที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ไม่มีอะไรยุ่งยากหรือซับซ้อนแม้แต่น้อย แต่จะมีการแบ่งประเภทของศพที่นำมาทำพิธีเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ศพที่ตายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และศพของทหารที่ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่

1. ศพที่ตายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

ศพประเภทนี้เป็นศพที่พบเห็นโดยทั่วไป ซึ่งเป็นศพที่ตายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง จากอุบัติเหตุหรือชราภาพตายก็ตาม ศพเหล่านี้จะต้องถูกนำร่างมาชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดตัวอยู่ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องรีดท้องเพื่อนำสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในออกมาด้วย

จากนั้นให้ชำระล้างร่างกายภายนอกให้สะอาดเอี่ยมอ่องทั้งตัว หลังจากชำระล้างร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำศพมาวางไว้บนผ้าขาว 3 ชั้น โดยจัดวางมือของศพให้มือขวาทับบนมือซ้าย แล้วเริ่มห่อศพ โดยปิดผ้าให้มิดชิด ไม่ให้มีส่วนใดของร่างกายเล็ดรอดออกมา

ขั้นตอนต่อไปคือ การนำเอาศพไปบรรจุลงโลงหรือหีบห่อที่เตรียมไว้ ซึ่งเป็นขั้นตอนมาตรฐานทั่วไป แต่หากเป็นศพยากไร้ ที่ไม่มีทุนทรัพย์หรืออยู่ในที่กันดาร ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โลงหรือหีบห่อ แต่สามารถนำไปฝังลงในหลุมที่ขุดไว้ได้เลย

แต่ก่อนฝังศพลงหลุม ควรขุดหลุมให้ลึกพอสมควร เพื่อหลีกเลี่ยงจากการขุดคุ้ยของสัตว์ต่างๆ หรือเพื่อป้องกันไม่ให้ศพส่งกลิ่นเหม็นขึ้นมา ในส่วนของการจัดวางท่าศพ ควรให้ศพนอนตะแคงข้างขวาแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และหลังจากการฝังลงหลุมไปแล้ว ให้กลบพื้นที่บริเวณหลุมให้มิดชิด และมั่นใจว่าไม่มีช่องหรือรูที่สามารถมุดลงไปยังตัวโลงหรือตัวศพได้

ซึ่งพึงตระหนักไว้ว่า เมื่อฝังศพใดศพหนึ่งแล้ว จะไม่มีการขุดศพนั้นกลับขึ้นมาใหม่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

2. ศพทหารที่ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่(ตายซะอีด)

ศพของทหารที่ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการยกเว้นในการอาบน้ำหรือห่อศพ กล่าวคือโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการนำศพมาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หรือชำระล้างร่างกายแต่อย่างใด ให้ศพสวมใส่เสื้อผ้าในชุดเดิม แล้วใช้วิธีฝังแบบเดียวกันกับศพที่ตายจากโรคภัยไข้เจ็บในข้อข้างต้น

การจัดพิธีศพของชาวศาสนาอิสลาม เกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีการสวดใดๆ เหมือนกับพิธีศพชาวพุทธ ซึ่งผู้ที่ไปร่วมงานศพ สามารถแสดงความไว้อาลัยกับผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตายด้วยการแสดงความเสียใจ, กล่าวคำไว้อาลัย หรือมอบซองเงินช่วยเหลือให้กับพ่อแม่ พี่น้องหรือญาติได้แบบเดียวกับการไปร่วมงานศพในพิธีชาวพุทธ

เหตุผลที่ชาวอิสลามจัดพิธีศพแบบเรียบง่าย

นอกจากความเชื่อในการเรื่องชีวิตหลังความตาย ที่แตกต่างจากศาสนาพุทธแล้ว ชาวศาสนาอิสลาม ก็ยังมาพร้อมความเชื่อในเรื่องอื่นๆ อันได้แก่

1. การจัดงานศพในลักษณะเรียบง่าย เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เกิดความลำบาก และขัดสนตามมา จึงเห็นได้ว่า เมื่อมีคนภายในครอบครัวตาย พิธีจัดการศพในแบบศาสนาอิสลามจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่เกิดรายจ่ายในส่วนใด นอกจากค่าโลงศพและผ้าที่ใช้ห่อ

2. ศาสนาอิสลามสอนให้ผู้คนยอมรับในเรื่องของความตาย การเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายทั้งตัวเองหรือคนรอบข้าง จะต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ยุ่งยาก

3. ศาสนาอิสลามไม่ต้องการ ให้ญาติพี่น้องผู้ตายโศกเศร้าเสียใจเกินเหตุในการสูญเสียแต่ละครั้ง

4. การฝังศพอย่างเรียบง่าย เป็นการทำให้ศพย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีคืนสังขารที่กลับคืนสู่สามัญตามหลักคำสอนได้ดีที่สุดในวัฏจักรของการเกิดมาเป็นมนุษย์

5. ศาสนาอิสลามไม่มีการรักษาศพด้วยฟอร์มาลีน เพราะฉะนั้นต้องรีบดำเนินการในการขุดหลุมฝังศพให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ศพเน่าเปื่อยก่อน

6. ความเชื่อของชาวศาสนาอิสลามหรือชาวมุสลิมอีกหนึ่งประการในการทำพิธีศพก็คือ จำเป็นต้องฝังศพภายใน 24 ชั่วโมงนับจากเวลาที่เสียชีวิต เพราะหากเก็บศพเอาไว้นาน ผู้ที่มีชีวิตอยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องกับผู้ตายจะต้องเสียใจเพิ่มมากขึ้น

พิธีเยี่ยมสุสาน และพิธีทำบุญหลังจากฝังศพ

หลังจากทำการฝังศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็คือ พ่อแม่ ญาติพี่น้องของผู้ตาย จะมีการเชื้อเชิญผู้เกี่ยวข้องและบุคคลที่เป็นที่รู้จักต่างๆ มาร่วมพิธีการเยี่ยมสุสานในการระลึกถึงผู้ตาย โดยถือเป็นการเตือนสติผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนว่า ควรตั้งตนอยู่บนสติ ไม่ตั้งตนอยู่บนความประมาท และเตือนใจเสมอว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือความสูญเสียครั้งใหญ่แต่อย่างใด

นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดพิธีทำบุญ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่บ้านหรือที่สุเหร่า เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในวันเดียวกันกับวันฝังศพ และเว้นระยะออกไป 3 วัน 7 วัน 40 วัน หรือ 100 วัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ โดยในแต่ละช่วงวันที่ทำบุญนั้น ผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย อาจจะมีการจัดเลี้ยงอาหารให้กับผู้ที่มาเยี่ยมผู้ตาย หรือตกแต่งหลุมศพให้สวยงามก็สามารถทำได้

โดยงานทำบุญนี้ เจ้าภาพที่จัดการก็จะมีการประกาศให้ญาติต่างๆ ทราบโดยทั่วกัน เพื่อมาร่วมงานกันพร้อมหน้าพร้อมตา

ของที่ระลึกงานศพ

เนื่องจากตามความเชื่อของพี่น้องชาวมุสลิม ที่จะต้องจัดพิธีฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง จึงมักมีการจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับแขกผู้มาร่วมงานเพื่อใช้สำหรับการทำพิธีละหมาด เช่น โสร่ง หมวกกะปิเยาะ อาหารว่างต่างๆ เป็นต้น จึงไม่พบเห็นว่ามีการให้ของที่ระลึกงานศพ

พิธีศพของชาวศาสนาอิสลามหรือชาวมุสลิม เป็นพิธีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นแบบฉบับของการจัดงานแบบเรียบง่าย ที่ทำให้เกิดภาพจำว่า ความตายเป็นเรื่องปกติ ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องเจอ และถือเป็นเครื่องเตือนว่า ชีวิตในโลกนี้กำลังสิ้นสุดลง โดยที่ชีวิตในโลกใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

โลกที่ชาวมุสลิมจะต้องเดินทางไปรับคำตัดสินใจจากผู้กำหนดโชคชะตา ว่าพวกเขาจะได้พบกับความสุขหรือความทุกข์ทรมานจากสิ่งที่ทำเอาไว้ ซึ่งก็ถือเป็นความเชื่อที่ช่วยส่งเสริมให้ชาวศาสนาอิสลามหมั่นทำความดีในชาติภพนี้ หรือโลกที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้ผลบุญดังกล่าวส่งไปถึงโลกต่อๆ ไป ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายบนสรวงสรรค์อันเป็นชีวิตแท้จริงนิจนิรันดร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น