ไม่เพียงปัญหาการก่อความไม่สงบรายวันที่สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาเสพติด
อย่างกว้างขวางในหมู่เยาวชนยังสร้างภาระให้ชาวบ้านที่ปลายด้ามขวานทั้งพุทธและมุสลิมไม่น้อย
พร้อมคำถาม ใคร?
คือผู้ที่ "มอมเมา" เยาวชน
คำถาม
ใคร?
คือผู้ที่ "มอมเมา"
เยาวชนให้ติดยาเสพติดอาจจะไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นใคร
แต่นับว่าเป็นมิติปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย กอ.รมน.ภาค 4 สน.
มีนโยบายเร่งด่วนใช้มาตรการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นทุกข์ของชาวบ้านจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ส่งผลให้ปัญหาการค้า ปัญหาการแพร่ระบาดลดลงในระดับหนึ่ง แต่ใน "เบื้องลึก"
ปัญหายาเสพติดกลับพบข้อมูลความเกี่ยวพันโดยตรงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง "กลุ่มผู้ค้า"
และ "ผู้เสพยาเสพติด" กับ "กลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรง"
มีส่วนเกี่ยวพันหรือเป็น "สถานการณ์คู่ขนานกัน" ในแบบระนาบข้างกับเหตุการณ์ก่อความไม่สงบไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
ปัญหายาเสพติดกับ
"ปัญหาความมั่นคง"
นักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่พื้นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่น เช่น ค้าของหนีภาษี
การพนัน ค้ามนุษย์ ฯลฯ คนกลุ่มนี้บางส่วนอาจจะเป็น "แหล่งเงินทุน"
ให้กับผู้ก่อความไม่สงบโดยเป็นกลไกทางเศรษฐกิจ "กลุ่มผู้เสพ"
ซึ่งอายุอยู่ในช่วง 15-24 ปี เป็น "เยาวชนว่างงาน"
มีความเกลียดชังราชการ มีการใช้ยาและขาดแรงจูงใจในตนเอง
พร้อมที่จะถูกชักจูงให้ก่อความปั่นป่วนในสังคมได้ง่าย ความสัมพันธ์ทางอ้อมในแง่เป็นฐานทางเศรษฐกิจ
และอาจจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หรือฉกฉวยประโยชน์กับปัญหาความมั่นคงและความไม่สงบในพื้นที่
ในสภาพการณ์ที่เจ้าหน้าที่มีความระมัดระวังปัญหาในด้านความไม่สงบในพื้นที่ จนไม่สามารถควบคุมดูแลปัญหายาเสพติด
การกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระดับผู้ค้าหลายครั้งมีการยึดอาวุธปืนสงคราม
กระสุนได้เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการตรวจสอบอาวุธปืนเหล่านั้นกลับพบว่า "เชื่อมโยงกับการก่อเหตุ"
จึงอนุมานได้ว่าเป็น "โลกสองใบ" ของ "ผกร."
สถานะที่หนึ่งมีสถานะเป็น "RKK" อีกสถานะหนึ่งเป็น
"ผู้ค้ายาเสพติด"
เป็นผู้เล่น "ในคน คนเดียวกัน.." สถานะสลับไปสลับมา..
แต่ยังมีปัญหาเรื่อง "คบซ้อน" ในสองขั้วปัญหาไฟใต้ที่มีหมวกอยู่ 2 ใบ
ส่วนโลกอีกใบที่ถือเป็น
"โลกแห่งความเป็นจริง" คือการอยู่ในสถานะ "ผู้ค้ายาเสพติด"
ของ "ผกร." เป็นการหาลำไพ่พิเศษ โดยอาศัยสถานการณ์ปิดบังอำพราง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ
"ชัยฏอน/มารร้าย" ที่คอยมอมเมาเยาวชนให้ติดยาเสพติด
ยัดเยียดความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ดังนั้น
"กรอบความคิด" คือ "การตัดวงจรทุน"
ของกลุ่มการค้ายาเสพติด
มิให้ทุนของกลุ่มการค้ายาเสพติดเข้าไปสนับสนุนการก่อความไม่สงบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ส่วน "ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด"
เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนและสังคมอย่างกว้างขวาง
และเป็นสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่เรียกร้องต้องการแก้ไขปัญหา
ขบวนการค้ายาเสพติดโยงใยกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3
จังหวัดภาคใต้ กรณีการจับกุม นายสือมัง กะโด (หรือมัง) อายุ 29 ปี เมื่อ 6 มี.ค.65 ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดใหญ่ในภาคใต้ นัดส่งยาเสพติด
บริเวณริมถนนสายสุขยางค์ (มลายูบางกอก – พงยือไร) หมู่ที่ 5 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา
จ.ยะลา จำนวน 3 มัด (6,000 เม็ด ) นายสือมังฯ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะยี่ห้อ
ฮอนด้ารุ่น เวฟไอ สีดำ ป้ายทะเบียน 1 กข 6897 ยะลา
เพื่อส่งยาเสพติดตามนัดหมายดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว เพื่อทำการจับกุม
หลังจากการจับกุมนายสือมังฯ
ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่ายังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่บ้านพัก
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นบ้านพักดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 5 ต.สะเตงนอก
อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ก้อนละ 3
มัด จำนวน 17 ก้อน (102,000 เม็ด)
บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำซุกซ่อนอยู่ใต้อ่างล้างจานภายในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบวงจรการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้พบว่ามีการ
"โอนเงิน" ให้กับแกนนำกลุ่ม"RKK" ใช้เคลื่อนไหวก่อเหตุร้าย
เพื่อเบี่ยงเบนเจ้าหน้าที่ ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดได้สะดวก…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น