วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565

รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ยะลา เยี่ยมผู้บาดเจ็บเหตุระเบิดบันนังสตา พร้อมนำความห่วงใยนายก เร่งรัดเยียวยาอย่างเต็มที่

 

รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ยะลา เยี่ยมผู้บาดเจ็บเหตุระเบิดบันนังสตา พร้อมนำความห่วงใยนายก เร่งรัดเยียวยาอย่างเต็มที่

เมื่อ 11 มี.ค.65 พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการ สมช. พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลด้านความมั่นคง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย

1. อส.ทพ.ชาติชาย นันทกรปรีดา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 4 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา

2. นายตูแวมะอุเซ็งจูนิ อายุ 33 ปี ประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 3 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา

3. นางสาวคอรีเยาะ สะแม อายุ 32 ปี ประชาชน ต.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30 ขณะออกลาดตระเวนด้วยรถยนต์ บริเวณถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ตรงข้ามมัสยิดบ้านเตาปูน พื้นที่ บ้านเงาะกาโป หมู่ที่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ก 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กฉ 9058 ยะลา ได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 10 มีนาคม2565 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ได้มอบกระเช้าเยี่ยม และเงินบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับ อส.ทพ.ชาติชาย นันทกรปรีดา เจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30 และมอบกระเช้าเยี่ยม และเงินบำรุงขวัญ ให้กับนางสาวยุนดี ยูโซ๊ะ (น้าสาวของตูแวมะอุเซ็งจูนิ) และนางสาวซารีปะ เจ๊ะกา (หลานสาวของนางสาวคอรีเยาะ สะแม) ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และได้มอบหมายให้เป็นผู้แทนมาเยี่ยม เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยให้ ศอ.บต. จะให้การดูแลเยียวยา เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้กำชับให้หน่วยงานความมั่นคง ปรับแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ ที่เป็นจุดล่อแหลมและมีความเปราะบาง

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ติดตามความคืืบหน้าการปรับปรุงประสิทธิภาพตามแนวชายแดน โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำสุไหงโกลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หากแล้วเสร็จจะช่วยป้องกันอุทกภัยได้ นอกจากนี้ยังได้หารือในมาตรการการรองรับการเปิดด่านชายแดนของมาเลเซียในวันที่ 1 เมษายน 65 ทั้งในเรื่องของความมั่นคง และคัดกรองป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น ตลอดจนแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้ทุกส่วนมีความพร้อมอย่างมาก เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในพื้นที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น