ปิดเกมโควิดสู่
"โรคประจำถิ่น" 1 ก.ค.65 จับตายกเลิกไทยแลนด์พาสปลดล็อกทัวริสต์
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
เมื่อ 9 มี.ค.65 ที่ผ่านมา
มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านการระบาดของโรคโควิด-19 สู่การเป็น “โรคประจำถิ่น”
ตั้งเป้าปฏิบัติการ 4 เดือน ภายใน 1 ก.ค.2565
สิ่งที่ต้องจับตาคือการปรับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
เพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มเติมแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ก้าวสู่การ “เปิดประเทศเต็มรูปแบบ!”
นายยุทธศักดิ์
สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า วันที่ 18 มี.ค.65 นี้
ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ มี พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน
จะมีการพิจารณาปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
ให้สอดรับกับมติดังกล่าวของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
โดยจะดูขีดความสามารถการแข่งขันในการเปิดประเทศบนพื้นฐานความปลอดภัยของคนไทย
หลังจากหลายประเทศมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
“เมื่อมีการประกาศให้โควิด-19
เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค.2565 อาจนำไปสู่การยกเลิกไทยแลนด์พาส (Thailand Pass)”
แม้ไทม์ไลน์การประกาศให้โควิด-19
เป็นโรคประจำถิ่น จะตรงกับช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ“โลว์ซีซั่น”
ของภาคท่องเที่ยวไทย แต่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจาก “อาเซียน” และ “อินเดีย”
เดินทางเข้ามาจับจ่ายในไทยมากขึ้น
หลังประเทศเวียดนาม
ประกาศเปิดประเทศ เริ่มวันที่ 15 มี.ค.65 นี้ ประเทศมาเลเซีย ประกาศเปิดพรมแดนอีกครั้งในวันที่
1 เม.ย.65 นี้ หนุนการท่องเที่ยวผ่านด่านชายแดน
และประเทศอินเดียที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่มมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 1
มี.ค.65 ที่ผ่านมา ให้จัดทำความตกลง Air Travel Bubble ไทย-อินเดีย
เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ขณะที่นักท่องเที่ยวยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักในช่วงแรกๆ
ของการเปิดประเทศ อาจชะลอการเดินทางเข้าไทยตามฤดูกาล เนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อน
จึงเน้นท่องเที่ยวภายในยุโรปมากกว่า
“อย่างไรก็ตาม
ยืนยันว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ในไทยขณะนี้
ยังมีความจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่นักท่องเที่ยวด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 1 ในวันแรกที่เดินทางถึงไทย และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ด้วย Self
ATK ในวันที่ 5 เนื่องจากยังพบยอดนักท่องเที่ยวติดเชื้ออยู่ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามไทม์ไลน์มติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
หลังภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างแสดงความคิดเห็น ไปในทิศทางเดียวกันว่าอยากให้ยกเลิกระบบ
Test & Go”
ส่วนเรื่องการจัดงานเทศกาล
“สงกรานต์” หากที่ประชุม ศบค.ในวันที่ 18 มี.ค.65 นี้ ไม่มีมาตรการสั่งงดการจัดงานสงกรานต์
ททท.ก็จะเดินหน้าจัดงานฯ และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้สอดรับกับหลักการที่
ศบค.อนุมัติ โดย ททท.จะพิจารณาเลือกพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดอีกครั้ง
ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัดนั้นๆ ด้วย
นายยุทธศักดิ์
ฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงวิกฤติ “รัสเซีย-ยูเครน” ว่า เป็นปัจจัยกดดัน “ราคาน้ำมันแพง”
และ “เงินเฟ้อ” ส่งผลกระทบต่อ “ต้นทุนการเดินทาง”
รวมถึงจิตวิทยาการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องขอติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวจนถึงสิ้นเดือน
มี.ค.นี้ ว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวไทยต้องขอประเมิน กระแสการเดินทาง
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าเป็นอย่างไร
จากนั้น
ททท.ถึงจะ “ทบทวนเป้าหมาย" ของภาคท่องเที่ยวไทย ซึ่งตั้งเป้าปี 2565
มีรายได้รวมที่ 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน และรายได้ตลาดในประเทศ 656,000
ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง
“น้ำมันแพงกับเงินเฟ้อ
ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเดินทางของนักท่องเที่ยว แม้จะไม่ส่งผลต่อความถี่ ด้านการเดินทางมากนัก
เพราะนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางแล้ว แต่จะส่งผลกระทบ ในแง่การใช้จ่ายโดยตรง
ซึ่ง ททท.พยายามคงเป้ารายได้รวมปีนี้ให้ได้ที่ 1.28 ล้านล้านบาท
เพื่อให้ภาคท่องเที่ยวกลับมาเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจประเทศ”
ด้านการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรัสเซียและยูเครน
ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในไทยประมาณ 8,000 คน ส่วนใหญ่ท่องเที่ยวในภูเก็ต
สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) กระบี่ และพังงา
ททท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
ช่วยเหลือทั้ง 3 กลุ่มความต้องการ ได้แก่ 1.กลุ่มที่ต้องการเดินทางกลับประเทศต้นทาง
แต่เดินทางกลับไม่ได้ เพราะไม่มีเที่ยวบิน
ได้สื่อสารให้นักท่องเที่ยวไปขึ้นทะเบียนกับสถานทูตเพื่อแจ้งความประสงค์เดินทางกลับ
2.กลุ่มที่ยังท่องเที่ยวในไทย
แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรด้านการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ
จึงได้หาทางออก นำระบบชำระเงินทางเลือกอื่นมารองรับ และ 3.กลุ่มที่ตกค้างจริงๆ
ด้วยการหาที่พัก และเที่ยวบินเดินทางกลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น